Quantcast
Channel: Convertible – MINI-TH.
Viewing all 37 articles
Browse latest View live

รู้จักมินิ

$
0
0

อะไรคือ F56? มินิของเราคือรุ่นไหน? One ต่างจาก Cooper ยังไง? รุ่นไหนออกมาเมื่อไหร่? ใกล้ตกรุ่นหรือยัง?

ขออนุญาตรวบรวมคำถามยอดฮิต สำหรับมือใหม่ และมือเก๋า MINI ไว้ให้เข้าใจง่ายตามนี้นะครับ

รถมินิมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่มินิรุ่นคลาสสิค (สะกดว่า Mini) และนิวมินิ ที่อยู่ใต้ชายคาของ BMW Group (สะกดว่า MINI – ตัวใหญ่ทั้งหมด) ในที่นี้จะสรุปไว้เฉพาะรถนิวมินิ (MINI) ซึ่งผมจะพยายามรวบรวมมาอัพเดทให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ครับ

ปัจจุบัน MINI ในไทยมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 3 รายคือ Millennium Auto มีโชว์รูมและศูนย์บริการที่เอกมัยซอย 7, ถนนพระรามสี่, อุบลราชธานี, หาดใหญ่, ภูเก็ต และเฉพาะศูนย์บริการที่ Millennium Auto สาขาพระรามสาม, German Auto มีศูนย์บริการที่บางนา, ถนนแจ้งวัฒนะ และ พัทยา ส่วนอีกรายคือ Sky Autohaus อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น

รหัสตัวถัง

เจเนอเรชั่นแรก Gen.1 (ปี 2001 – 2008)

เป็นต้นกำเนิดของ MINI ที่เกิดขึ้นภายใต้หลังคาของ BMW Group ที่ได้ทำการเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2001 โดย MINI เริ่มผลิตรุ่น One/Cooper ในปี 2001 ก่อน และเริ่มผลิต Cooper S ในปี 2002

วิธีการสังเกตอย่างง่ายสำหรับ Gen.1 คือ ไฟหน้าจะติดอยู่กับฝากระโปรงหน้ารถ เวลาเปิดฝากระโปรงหน้า ไฟหน้าจะติดขึ้นไปด้วย

ใน Gen1 นี้ มีรหัสตัวถัง 3 ตัวด้วยกันคือ R50, R52 และ R53

R50 = ปี 2001-2006 – MINI One และ MINI Cooper
R53 = ปี 2002-2006 – MINI Cooper S  และ MINI Cooper S JCW GP
R52 = ปี 2005-2008 – MINI Convertible ทุกโมเดล (ทั้ง One, Cooper และ S)

รายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละรหัสตัวถัง ดูได้ตามรายละเอียดด้านล่าง ที่แยกตามรหัสตัวถังไว้เรียบร้อยแล้ว

เจเนอเรชั่นที่สอง Gen.2 (ปี 2006 – ปัจจุบัน)

ในเจเนอเรชั่นที่สอง มินิมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ มิติของตัวรถบวมขึ้นกว่าเดิม ปรับเปลี่ยนทั้งภายนอกและภายในให้ทันสมัยมากขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น เครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด เอาเทคโนโลยีจาก BMW มาใช้มากขึ้น ประหยัดกว่าเดิม ใน Gen.2 นี้ ไฟหน้ารถจะติดอยู่กับตัวรถ เวลาเปิดฝากระโปรงหน้า ไฟหน้าจะไม่ติดขึ้นไปด้วย

ใน Gen.2 มีหลายรหัสตัวถังด้วยกัน คือ

R56 = ปี 2007-2013 – MINI Hatchback
R55 = ปี 2008-2014 – MINI Clubman
R57 = ปี 2009-ปัจจุบัน – MINI Convertible
R60 = ปี 2010-ปัจจุบัน – MINI Countryman
R58 = ปี 2011-2015 – MINI Coupe
R59 = ปี 2012-2015 – MINI Roadster
R61 = ปี 2013-ปัจจุบัน – MINI Paceman

เจเนอเรชั่นที่สาม Gen.3 (ปี 2014 – xxx)

เจอเนอเรชั่นที่ 3 คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2013 โดยเริ่มจากรหัส F56 มาทดแทน MINI Hatchback R56 ก่อน และจะทะยอยเปิดตัวในรหัสตัวถังอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

F56 = ปี 2014-ปัจจุบัน – MINI Hatchback 3 door
F55 = ปี 2014-ปัจจุบัน – MINI Hatchback 5 door
F54 = ปี 2015-ปัจจุบัน – MINI Clubman
F57 = ปี 2015-? – MINI Convertible
F60 – MINI Crossover

รายละเอียดของแต่ละรุ่น ผมได้แบ่งตามรหัสตัวถัง และเรียงตามลำดับรุ่นที่ออกสู่ตลาด เพื่อง่ายต่อการค้นหา และเพิ่มเติมข้อมูลต่างๆ ตามนี้ครับ

—————–

R50 (2001-2006 : MINI One / MINI Cooper)

2001_MC
P0008759

เครื่องยนต์:
Tritec I4 1.4L สำหรับ MINI One (รหัสเครื่องยนต์ W10)
Tritec I4 1.6L สำหรับ MINI Cooper (รหัสเครื่องยนต์ W10)

MINI R50 ถือว่าเป็น MINI ตัวแรกเลยครับ ตัวถังเป็นทรง Hatchback สุดคลาสสิค ในยุคแรก คือผลิตปี 2001-2004 จะเป็นรุ่นดั้งเดิม ก่อนมีการ minor change ในปี 2004 ซึ่งทาง MINI เรียกว่า facelift ปรับปรุง แก้ไขจุดบกพร่อง

วิธีการสังเกต R50 ก่อน facelift ง่ายที่สุดคือด้านท้ายของตัวรถ ไฟถอยจะอยู่ตรงกลาง เม็ดเดียวในกันชนหลังครับ (เหมือนรูปด้านบน)

MINI ภายในรหัสตัวถัง R50 จะมีทั้ง MINI One และ MINI Cooper ครับ โดย MINI One ใช้เครื่องยนต์ Tritec 1.4 ลิตร 90 แรงม้า และ MINI Cooper ใช้เครื่องยนต์ Tritec 1.6 ลิตร 115 แรงม้า ทาง MINI Thailand ทำตลาด 2 รุ่นนี้ ด้วยออพชั่นที่แตกต่างกันเล็กน้อย เช่น MINI One จะไม่สามารถเลือกสีหลังคาให้แตกต่างจากสีของตัวรถได้ หรือ MINI Cooper ที่แบ่งเป็น Look 1 กับ Look 2 ที่มีออพชั่นแตกต่างกัน เป็นต้น

2009-11-30_001904_2009-11-12_194241

ในปีแรก MINI ถูกนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยล็อตแรก 30 คัน (ล็อตแรกนี้มีพิมพ์ลงหน้ากากของเข็มวัดรอบเป็นธงชาติไทย Launch Edition xx/30 ด้วย ถือเป็นล็อตที่หาได้ยากมากในปัจจุบัน) ได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ มินิเป็นอย่างดี จนมีจำนวนรถมินิในไทยมากมายอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

  • 2004 – R50 Facelift (Minor Change)

P0017251
P0014455

ในปี 2004 ทาง MINI ได้ปรับโฉม R50 เล็กน้อย (minor change) มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และปรับหน้าตาของกันชนหน้า กันชนหลัง ไฟหน้า ไฟท้ายใหม่ วิธีการสังเกตอย่างง่ายคือ ไฟท้ายของ R50 facelift จะมีไฟถอยอยู่ด้านในทั้งฝั่งซ้ายและขวา ส่วนไฟตัดหมอกหลังจะอยู่ตรงกลางกันชนหลังเป็นเม็ดสีแดงๆ เม็ดเดียว

การ Facelift ครั้งนี้ เป็นช่วงที่แบรนด์ MINI เริ่มลงตัวมากที่สุด และเป็นช่วงที่ MINI กำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากทั่วโลก เริ่มมีการออก MINI รุ่นพิเศษออกมา ซึ่งจะพูดถึงในตัวถัง R53 ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเดียวกันครับ

—————–

R53 (2002-2006 : MINI Cooper S)

2004_MCS
P0008239

เครื่องยนต์:
Tritec I4 1.6L Supercharged (รหัสเครื่องยนต์ W11)

ในยุคแรกของ MINI นั้น ทาง MINI ได้แบ่ง Cooper S ออกมาเป็นอีกรหัสตัวถังอย่างชัดเจน ด้วยรหัส R53 ครับ ซึ่ง MINI Cooper S เป็นรุ่นที่ MINI เน้นในเรื่องของความเร็วความแรง ถึงแม้จะใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเหมือนกับ MINI Cooper แต่มีในส่วนของ Supercharger ติดมาให้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ R53 ที่คลาสสิค ทั้งในเรื่องของฟีลลิ่งในการขับขี่ และเรื่องของเสียงซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ที่ถึงแม้ว่า MINI ทุกวันนี้จะไม่ได้ใช้ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์แล้ว แต่แฟนๆ มินิที่ขับกันมาตั้งแต่ยุค R53 ก็ยังคงติดอกติดใจกับเสียงอันไพเราะของมันอยู่

วิธีการสังเกต R53 ได้ง่ายที่สุดคือฝากระโปรงหน้า จะมีสกู้ปดักลมอยู่ตรงกลาง หรือหลายคนเรียกมันว่าจมูกนั่นเองครับ และอีกจุดหนึ่งที่ชัดเจนมากคือท่อไอเสียด้านหลัง จะเป็นท่อคู่ ออกตรงกลางรถ แตกต่างจาก MINI One และ Cooper ที่เป็นท่อเดี่ยว ออกทางด้านขวาของตัวรถ

จมูกของ R53 ที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้การทำงานของซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลายเป็นสัญลักษณ์ของ MINI Cooper S มาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าปัจจุบัน MINI Cooper S จะไม่จำเป็นต้องใช้สกู้ปดักลมแล้ว แต่ MINI ก็ยังคงมีจมูกมาให้กับ MINI Cooper S ทุกโมเดล (รวมถึงท่อไอเสียคู่ด้วย)

  • 2004 – MINI Monte Carlo Edition (MC40)

mc40

ต้นปี 2004 ซึ่งเป็นปีฉลองครบรอบ 40 ปีมินิได้แชมป์แรลลี่ Monte Carlo เมื่อปี 1964 ที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์มินิเป็นอย่างมาก โอกาสนี้เอง ที่งาน Chicago Auto Show ทาง MINI ได้ออกรถรุ่นพิเศษชื่อ 40th Anniversary Monte Carlo Limited Edition (เรียกย่อว่ารุ่น MC40) จำกัดเพียง 1,000 คันทั่วโลก ทุกคันเป็นสีแดง มีสติ๊กเกอร์พิเศษ ตกแต่งลวดลาย Monte Carlo พร้อมเลข 37 ที่ประตูรถ ซึ่งเป็นหมายเลขเดียวกับที่มินิเข้าแข่งขันแรลลี่ในปี 1964 และได้แชมป์มา รุ่น MC40 นี้มีเข้ามาวิ่งในไทยด้วยเพียงไม่กี่คันเท่านั้น

  • 2004 – R53 Facelift (Minor Change)

P0014259
P0014260

ในปี 2004 ปีเดียวกับที่ R50 ปรับโฉม ส่วนของ R53 ก็ปรับเช่นเดียวกัน โดยมีการปรับปรุงในส่วนของหน้าตา กันชนหน้า กันชนหลัง ไฟหน้า ไฟท้าย และมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้แรงขึ้นเล็กน้อย จากเดิม 163 แรงม้า เป็น 170 แรงม้า

  • 2006 –  Seven / Park Lane / Checkmate Special Edition

Screen Shot 2013-07-30 at 23.16.10

Screen Shot 2013-07-30 at 23.16.52

ปีสุดท้ายของตัวถัง R50/R53 ทาง MINI ได้ออกรถรุ่นพิเศษ Special Edtion มาทั้งหมด 3 รุ่น คือ MINI One Seven (ตัวนี้เป็น R50 แต่ขอเอามาไว้ในหมวดนี้), MINI Park Lane (ในไทยมีทั้ง Cooper และ Cooper S) และ MINI Checkmate (มีเฉพาะ Cooper S) มีการตกแต่งพิเศษ ด้วยสติ๊กเกอร์ ป้ายบอกรุ่น และวัสดุพิเศษ ล้อลายพิเศษในแต่ละรุ่น ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น รุ่น Park Lane ตัวรถเป็นสี Royal Grey ที่ไม่มีในรุ่นอื่นๆ (แต่นำมาใช้อีกครั้งในรุ่น R60 Countryman ปี 2010) หรือในรุ่น Checkmate ที่มีการตกแต่งเป็นลายหมากรุก เช่นเดียวกับธงเส้นชัยในสนามแข่งรถ ที่ภายหลังได้รับความนิยมเอามาแต่งรถ MINI ในลักษณะเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทั้ง 3 รุ่นนี้ผลิตในช่วงเวลาจำกัดเพียงไม่กี่เดือน มีนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และยังเห็นวิ่งอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน

  • 2006 – MINI Cooper S with JCW GP Tuning Kit Limited Edition

MINI-R53-JCW-GP-01

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะก่อนที่ MINI จะออก R56 ซึ่งเป็น MINI เจนเนอเรชั่นที่สอง ทาง MINI ได้ทำการออก MINI รุ่นพิเศษออกมาสร้างเซอร์ไพร์ส โดยชื่อรุ่นเต็มๆ คือ MINI Cooper S with John Cooper Works GP Tuning Kit Limited Edition ผลิตจำนวนจำกัด 2,000 คัน โดยทุกคันมีหมายเลขบนหลังคาตั้งแต่ 0001 จนถึง 2000

MINI GP ตัวนี้ มาพร้อมสีพิเศษ Thunder Blue มีชุดแอโร่ไดนามิก ทั้งกันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง ล้อลายพิเศษ 18 นิ้ว เบรค John Cooper Works ด้านในมีเพียงเบาะคู่หน้า ส่วนเบาะหลังถูกถอดออก ติดตั้งเป็น anti-roll bar เบาะคู่หน้าเป็นเบาะชุดพิเศษจาก Recaro มีการตัดออพชั่นหลายอย่างออกไปเพื่อลดน้ำหนัก ทั้งแอร์อัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนหลัง เซนเซอร์ถอย มีการจูนเครื่องยนต์ให้แรงที่สุดเท่าที่มินิเคยผลิตมา (ในยุคนั้น)  โดยใช้เครื่องยนต์ MINI Cooper S แต่งเสริมด้วย JCW GP Tuning Kit เคลมความแรงอยู่ที่ 218 แรงม้า ประกอบที่โรงงาน Bertone ประเทศอิตาลี เป็นรถรุ่นที่ชาวมินิสะสมมากที่สุดรุ่นหนึ่ง มีการนำเข้าโดยผู้นำเข้าอิสระมาจำหน่ายในบ้านเราหลายสิบคัน ทุกวันนี้ยังพอเห็นได้อยู่ครับ

—————–

R52 (2005-2008 : MINI Convertible)

i116225

ในปี 2005 ทาง MINI ได้เปิดตัว “มินิเปิดประทุน” เป็นครั้งแรก ในชื่อรุ่น MINI Convertible หรือบางตลาดอาจเรียกว่า MINI Cabrio ภายใต้รหัสตัวถัง R52 มีทั้ง Cooper และ Cooper S ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดจะเหมือนกับ R50/R53 ในรุ่นปีที่ทำการ facelift แล้ว แต่หลังคาเป็นผ้าใบ สามารถเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า 100% และ MINI R52 นี้ ถูกใช้ในงานโฆษณาจากหลากหลายแบรนด์ทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นของแบรนด์ และความสวยงามตอนเปิดหลังคาของมัน

  • 2007 – MINI Convertible Sidewalk

Sidewalk

MINI-CooperS-Sidewalk-1106a

ในปี 2007 ทาง MINI ได้เปิดตัว MINI Convertible รุ่นพิเศษ ในชื่อ Sidewalk ซึ่งมีการตกแต่งพิเศษหลายจุด ทั้งสีพิเศษ Sparkling Silver, สีเบาะ Malt Brown English, ล้อ 17″ ลายพิเศษ Night Spoke (ลายนี้พิเศษมาก เพราะไม่ถูกนำมาใช้มินิในรุ่นอื่นๆ อีกเลย) และการตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ชื่อรุ่น Sidewalk ด้านข้างรถ โดย MINI Convertible Sidewalk มีนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราด้วย ถ้าผมจำไม่ผิด ในไทยมีเพียง 10 คันเท่านั้น

—————–

R56 (2007-2013 : MINI Hatchback)

P0029240
P0029239
P0029219
P0029225
P0029220
P0029249

เครื่องยนต์:
N12 สำหรับ One/Cooper
N14 Turbo สำหรับ Cooper S/JCW

ปลายปี 2006 ทาง MINI ได้เปิดตัว MINI ในเจเนอเรชั่นที่สอง หรือที่เรารู้จักกันในรหัสตัวถัง R56 ครับ ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ที่สุดของ MINI โดยมีการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ไม่ใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ร่วมกับตัวถังเดิมเลย มิติของตัวรถดูอวบอ้วนขึ้น มีการเอาเทคโนโลยีของ BMW มาใช้มากขึ้น และรหัสตัวถังก็ใช้ร่วมกันทั้ง MINI One, Cooper, Cooper S, Cooper D (ดีเซล), Cooper SD และ JCW ไม่ได้แยกเหมือนกับ R50/R53 อีกแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงจุดใหญ่จุดหนึ่งของ R56 คือ MINI Cooper S ที่ไม่ได้ใช้ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์แล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์แทน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์ได้มากขึ้นกว่าเดิม ตัวเลขความเร็วสูงสุด รวมถึงอัตราเร่ง ทำได้ดีกว่า R53 มาก แต่ก็สูญเสียเอกลักษณ์ของซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ไป ทั้งคาแรคเตอร์ในการขับขี่และเสียง รวมถึงช่วงล่างที่นิ่มผิดกันเยอะ จนแฟนๆ มินิหลายคนบ่นกันว่าสูญเสียเอกลักษณ์ แต่ก็แลกมาด้วยความสบายขึ้นทั้งคนขับและคนนั่ง

เครื่องยนต์ที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จาก Tritec 4 สูบ ไปใช้เครื่องยนต์ Prince 4 สูบ วาล์วทรอนิก ที่เกิดจากความร่วมมือของ BMW Group กับ PSA Peugeot Citroen ใช้ความจุ 1.6 ลิตรสำหรับ MINI One และ Cooper / 1.6 ลิตร ทวินสกรอล-เทอร์โบ สำหรับ MINI Cooper S และ JCW

ตัวเครื่องยนต์ Prince Engine ที่ใช้ใน Gen.2 ทั้งหมด ผลิตที่โรงงาน BMW Hams Hall Engine Plant ใน Warwickshire ประเทศอังกฤษ และถูกส่งมาประกอบเข้ากับรถยนต์ที่โรงงาน MINI Oxford Plant (BMW Group Plant Oxford)

ในปี 2008 เป็นต้นมา เทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดน้ำมันของทาง BMW ที่ชื่อ BMW Efficient Dynamics  นั้น ถูกเอามาประยุกต์ใช้กับ MINI เช่นกัน ภายใต้ชื่อ MINIMALISM ใช้คอนเซปต์ “น้อยกว่าแต่ให้ได้มากกว่า” หรือ “Less is More”

R56 นับถึงปัจจุบันมีการปรับปรุง minor change 1 ครั้ง ตอนปี 2011 ซึ่งทาง MINI เรียกการปรับโฉมครั้งนี้ว่า LCI 2011 (รายละเอียดในหัวข้อ LCI ด้านล่าง)

  • 2009 – MINI Mayfair 50 / Camden 50 Special Edition

3554295330_9756c1a19a_b

ปี 2009 เป็นปีที่สำคัญมากปีหนึ่งของ MINI ครับ เพราะเป็นปีที่ MINI ฉลองครบรอบ 50 ปี (นับตั้งแต่ Mini คันแรกเปิดตัวในปี 1959) ทาง MINI ก็มีกิจกรรมต่างๆ ทั่วโลกเพื่อเฉลิมฉลอง รวมถึงออกรถ MINI รุ่นพิเศษ 2 รุ่นครับ เป็น R56 ในชื่อ Mayfair 50 และ Camden 50

MINI Mayfair 50 มาพร้อมกับสีหลักเป็นสี Hot Chocolate และ Camden 50 มาพร้อมสี White Silver ตกแต่งด้วยลวดลายพิเศษ พร้อมแบดจ์วงกลมหน้ารถ เป็นโลโก้ MINI 50th Anniversary โดยทั้งสองรุ่นถูกนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยด้วย ซึ่ง Mayfair 50 ที่นำเข้ามาโดยมิลเลนเนียมออโต้ จะมีเฉพาะรุ่น Cooper และ Camden 50 จะมีเฉพาะรุ่น Cooper S แต่ก็พอจะเห็น Mayfair 50 / Camden 50 จะผู้นำเข้าอิสระเช่นเดียวกัน

  • 2009 – MINI JCW World Championship 50 Limited Edition

MINI-JCW-WC50-01

อีกหนึ่งความพิเศษส่งท้ายปี 2009 คือการออกรถ Limited Edition อีก 1 รุ่น คือ “MINI John Cooper Works World Championship 50” หรือบางคนอาจเรียกว่ารุ่น WC50 รุ่นนี้ไม่ได้ออกมาฉลอง 50 ปีมินิ แต่ออกมาฉลองครบรอบ 50 ปีการได้แชมป์ Formula 1 ของทีม John Cooper ผู้สร้างแบรนด์ JCW ครับ (ตรงกับปี 1959 เช่นเดียวกับปีเกิดของมินิ ผู้ขับขี่คือ Jack Brabham) รถรุ่นนี้จึงมีชื่อเล่นอีกหนึ่งชื่อคือรุ่น “F1”

รถ MINI JCW WC50 ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันทั่วโลก (ล็อตแรกผลิตเพียง 250 คัน แต่เพิ่มเป็น 500 ในภายหลัง) ถือเป็น MINI ที่ผลิตจำนวนจำกัดที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็น MINI R56 ที่มีความพิเศษหลายอย่าง ทั้งสีของตัวรถที่ใช้สีเขียว Connaught Green (สีนี้ไม่ถูกใช้ในรุ่นอื่นๆ เลย), มีลายเซ็นของ Michael Cooper ลูกชายของ John Cooper บนฝากระโปรงรถ และบนแผงคอนโซลฝั่งคนนั่ง, เบาะเลานจ์หนังดำเดินขอบสีแดง, ชุดแต่ง JCW พร้อมพาร์ทคาร์บอนไฟเบอร์เต็มชุด, เครื่องยนต์ JCW จากโรงงาน เกียร์ธรรมดา 6 สปีด, มีตัวเลขประจำรถ ตั้งแต่ 001 ถึง 500 ที่บริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้างซ้าย-ขวา

รถรุ่นนี้ ถูกนำเข้าโดยผู้นำเข้าอิสระมาวิ่งบนถนนเมืองไทยด้วย เท่าที่นับได้มีประมาณสิบกว่าคัน เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นักสะสมควรมีไว้ในครอบครอง

  • 2011 – LCI (Minor Change)

P90062366

P90062365
P90062379

เครื่องยนต์:
N16 – One/Cooper
N18 Turbo – Cooper S

เข้าปี 2011 หลังจากเปิดตัว R56 มาได้ประมาณ 4 ปีเศษ ก็ถึงเวลาที่ MINI จะทำการ minor change ปรับปรุง แก้ไขปัญหาต่างๆ ของ R56 ครับ เรียกกันภายในว่า LCI 2011 ปรับเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ใหม่ทุกรุ่น แรงขึ้นกว่าเดิม และประหยัดกว่าเดิม ปรับปรุงหน้าตาบางส่วน เช่น กันชนหน้า กันชนหลัง ไฟท้าย และแผงคอนโซลภายในตัวรถ วิธีการสังเกต LCI ที่ง่ายที่สุดคือให้ดูที่แผงคอนโซลกลางของตัวรถ ปุ่มต่างๆ และช่องใส่ซีดี จะเป็นสีดำทั้งหมด ในขณะที่รุ่นก่อน LCI จะเป็นสีเงินครับ

บล็อคเครื่องยนต์ถูกปรับเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์รหัส N16 สำหรับ MINI One/Cooper และรหัส N18 เทอร์โบ สำหรับ Cooper S/JCW มีอัตราความแรงที่สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน LCI เล็กน้อย

  • 2011 – MINI Inspired by Goodwood

P90074811

MINI ได้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ มินิอีกครั้ง (รวมถึงผมด้วย) ด้วยการออก MINI รุ่นพิเศษ ที่ร่วมมือกับ Rolls-Royce (ใช่ครับ ฟังไม่ผิดหรอก) ออกมาในชื่อรุ่น MINI Inspired by Goodwood ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันทั่วโลก โดยใช้วัสดุตกแต่งภายในเกรด Rolls-Royce เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหนังแท้ลวดลายเฉพาะ, ลายไม้วอลนัท ที่ผลิตในโรงงาน Goodwood ของ Rolls-Royce หรือแม้กระทั่งคอนโซลที่ทำจากหนังแท้สีดำ แทนที่คอนโซลพลาสติกของ MINI ในรุ่นปกติ, พรมหนังแกะอย่างหนา ขนนุ่ม เกรดเดียวกับที่ใช้ใน Rolls-Royce และ เรือนไมล์แบบพิเศษ

P90074816

ในส่วนของภายนอก ใช้สีตัวถังพิเศษ ชื่อ Rolls-Royce Diamond Black Metallic เป็นสีมาตรฐาน แต่ลูกค้าสามารถเลือกสี Reef Blue Metallic ได้เช่นกัน, มีป้ายชื่อรุ่น Inspired by Goodwood อยู่บริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้างตัวรถ และ ที่กาบบันไดทั้งสองฝั่ง, จุดเด่นคือเป็น MINI Cooper S ที่ไม่มีสกู้ปดักลมที่ฝากระโปรงหน้า

MINI Inspired by Goodwood นี้ เปิดตัวที่งาน Shanghai Auto Show 2011 มีขายอย่างเป็นทางการในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ในราคาที่แพงแบบไม่ธรรมดา (แต่ก็ขายหมดนะครับ) ที่สำคัญคือมีผู้นำเข้าอิสระนำเข้ามาขายในไทยด้วย ผมเองไม่แน่ใจว่ามีกี่คัน แต่เคยเห็นกับตาบนท้องถนนเมืองไทยและในที่จอดรถของห้างดังแล้ว 2-3 ครั้ง

  • 2012 – JCW Refresh

mini-john-cooper-works-07

หลังจาก MINI ได้ปรับปรุงหน้าตาภายในและภายนอกไปเมื่อปี 2011 ทุกโมเดลได้รับเครื่องยนต์ใหม่ยกเว้น JCW ครับ โดย JCW เพิ่งจะได้รับอัพเดทในปี 2012 ที่สร้างความฮือฮากับตลาด JCW ที่ถือว่าเป็นโมเดลที่แรงที่สุดของ MINI เพราะนี่คือครั้งแรกที่ JCW ได้รับออพชั่นเกียร์อัตโนมัติ จากเดิมที่มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา และมีการอัพเดทมาใช้เครื่องยนต์ N18 เทอร์โบ เหมือนกับ Cooper S LCI 2011

การรีเฟรช JCW ครั้งนี้ ทำให้ JCW ทุกโมเดลเคลมตัวเลขประหยัดน้ำมันดีกว่าเดิม และปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าเดิม

ในปีนี้เอง ที่ MINI เริ่มทำตลาด JCW อย่างจริงจังมากขึ้น โดยมีข่าวลือว่า BMW Group ได้วาง position ของแบรนด์ JCW เอาไว้ไม่แพ้ที่ BMW วาง position ของแบรนด์ M Power เลยทีเดียว และปีนี้เป็นครั้งแรกที่ MINI เริ่มใช้ “หลังคาแดง” กับโมเดล JCW เพื่อสร้างความแตกต่างจากโมเดลอื่นๆ ซึ่งออพชั่นหลังคาสีแดงนี้ จะเลือกสั่งได้เฉพาะรถ JCW ที่มาจากโรงงานโดยตรงเท่านั้น

  • 2012 – MINI Diesel Engine in Thailand

2012-08-17_211722_IMG_0044

กลางปี 2012 เป็นครั้งแรกครับ ที่ MINI Thailand ตัดสินใจนำเข้ารถ MINI เครื่องยนต์ดีเซลมาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งจริงๆ แล้วที่ต่างประเทศ มีการทำตลาด MINI เครื่องยนต์ดีเซลมาตั้งแต่ปี 2003 แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องราคา, ความพร้อมในการให้บริการ, และคุณภาพน้ำมันดีเซลในไทย ทำให้ MINI Thailand เพิ่งนำเข้ามา ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล เจเนอเรชั่นที่ 3 ของ MINI แล้ว ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร รหัส N47TU ความโดดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซลคือ ทอร์คสูง ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ ให้อัตราเร่งดีเยี่ยม และอัตราการประหยัดน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าประหยัดมากๆ (จากการทดสอบของสื่อมวลชนหลายสำนัก สามารถทำได้มากกว่า 20km/l สำหรับ Cooper D)

เบื้องต้น ทาง MINI Thailand ได้นำ MINI เครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาทั้ง Cooper D และ Cooper SD (แตกต่างกันที่ความแรงนะครับ เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลทั้งคู่) โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นคือ R56 MINI Cooper D, R56 MINI Cooper SD, R58 MINI Cooper SD Coupe, R60 MINI Cooper D Countryman และ R60 MINI Cooper SD Countryman เปิดราคาสูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินประมาณ 250,000 – 300,000 บาท และได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ มินิในไทยเป็นอย่างดี

  • 2012 – MINI JCW GP Limited Edition

MINI-JohnCooperWorks-GP-910x564

ปลายปี 2012 เป็นไปตามที่หลายคนคาด คือ MINI ได้เปิดตัว MINI JCW GP ภายใต้รหัส R56 ซึ่งยังคงคอนเซปต์คล้ายกับ GP ตัวเดิมที่เปิดตัวในปี 2006 คือถูกปรับแต่งมาเป็นพิเศษ สีของตัวรถ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง อุปกรณ์ตกแต่ง และที่สำคัญคือ ผลิตด้วยจำนวนจำกัด 2,000 คันเช่นเดิม ซึ่ง JCW GP (บางคนอาจเรียกว่า GP2) ถูกจองหมดอย่างรวดเร็วทั่วโลกตั้งแต่ยังไม่ส่งมอบรถเลยทีเดียว

จุดเด่นของ GP2 ก็คือ สีของตัวรถใช้สีพิเศษ Thunder Grey (ไม่ถูกใช้ใน MINI รุ่นอื่นๆ), ล้อสไตล์ GP แต่เป็นลายใหม่ ลดขนาดจากขอบ 18 นิ้วใน GP เดิม เหลือ 17 นิ้ว, เบรคขนาดใหญ่ 6-pot ที่ไม่ถูกใช้ใน MINI รุ่นอื่นๆ เช่นกัน, ช่วงล่างแบบปรับความสูงได้, มีการถอดเบาะหลังออก และใส่ Anti-Roll Bar สีแดงมาให้, เบาะ Recaro Sport Seats, สติ๊กเกอร์ตกแต่งลายพิเศษ, ขอบบันไดลาย GP, สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ รูปทรงใกล้เคียงกับ GP เดิม, ดิฟฟิวเซ่อหลังขนาดใหญ่ และทุกคันเป็นเกียร์ธรรมดา 6-สปีด ที่ถูกเซ็ตมาแตกต่างจาก MINI JCW ทั่วไปอย่างชัดเจน

สิ่งที่หายไปของ GP2 นี้ คือไม่มีตัวเลขบ่งบอกอีกแล้ว ว่าเป็น Limited คันที่เท่าไหร่ เนื่องจากตลาดเอเชียหลายประเทศ ถือเรื่องโชคลาง มีบางเลขที่ความหมายไม่ดี ทาง MINI จึงตัดปัญหา ไม่ใส่ตัวเลขมากับตัวรถ ยกเว้นตลาดสหรัฐอเมริกา ที่มีการเพิ่มสติ๊กเกอร์เลขรถบนหลังคาเข้าไปเอง

MINI JCW GP รุ่นนี้ ไม่ถูกนำเข้าผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่มีการนำเข้าผ่านผู้นำเข้าอิสระจำนวนพอสมควร มาวิ่งบนถนนเมืองไทย นับได้มากกว่า 10 คันแล้ว

นับถึงปัจจุบัน MINI JCW GP2 ยังคงเป็นรถ MINI ที่แรงที่สุดจากโรงงาน ตั้งแต่ที่ MINI เคยผลิตมาครับ

—————–

R55 (2008-ปัจจุบัน : MINI Clubman)

P0038510

ในปี 2008 (ที่งาน NAIAS, Detroit) ทาง MINI ได้เปิดตัวมินิตัวถังใหม่ภายใต้รหัส R55 โดยยึดตามแบบของ Mini Traveler ของรุ่นคลาสสิค ลักษณะของ MINI Clubman นั้น จะมีตัวถังที่ยาวขึ้นกว่ารุ่น Hatchback ประมาณ 24 ซม. ฐานล้อยาวกว่าเดิม 8 ซม. โดยมีการเพิ่ม “ประตู” เล็กๆไปในฝั่งคนขับ เรียกว่าประตู Clubdoor และฝาท้ายเป็นแบบตู้กับข้าว มีความโดดเด่นเรื่องพื้นที่เก็บสัมภาระ (หากพับเบาะหลังจะเก็บได้มากถึง 920 ลิตร) และความสะดวกสบายในการเข้าออกของเบาะหลัง รวมถึงพื้นที่วางเท้าของคนนั่งเบาะหลังก็มีมากขึ้นด้วย

MINI Clubman เปิดตัวมาพร้อมกับสีใหม่ คือสี Hot Chocolate ที่ ณ วันเปิดตัว มีให้เลือกเฉพาะตัวถัง Clubman เท่านั้น แต่สีนี้ถูกเพิ่มเป็นออพชั่นให้กับรหัสตัวถังอื่นๆ ในปีถัดๆ มา

ข้อสังเกตของ MINI Clubman คือถึงแม้ว่า MINI จะทำตลาดทั้งในกลุ่มประเทศพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา แต่ประตู Clubdoor ที่เพิ่มขึ้นมาจะอยู่ฝั่งขวาของตัวรถเท่านั้น ซึ่งเมื่อมาใช้งานในประเทศพวงมาลัยขวาแบบบ้านเรา ทำให้การขึ้นลงของผู้โดยสารด้านหลังอาจจะทำได้ไม่ถนัดมากนัก (เพราะประตูอยู่ขวา เปิดลงมาก็เป็นถนน ไม่ใช่ฟุตบาท) ผิดกับประเทศที่ใช้พวงมาลัยซ้าย ที่ดูจะ practical มากกว่าในการใช้ MINI Clubman

อย่างไรก็ตาม MINI Clubman ก็เป็นอีกหนึ่งตัวถังที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและประโยชน์ใช้สอย โดยเฉพาะพื้นที่เก็บสัมภาระที่ดีเยี่ยม และยังคงฟีลลิ่งการขับขี่ในสไตล์ MINI ไม่แพ้ตัวถัง R56 อีกด้วย

  • 2011 – MINI Clubman Hampton

 

กลางปี 2011 ทางมินิประเทศไทย ได้เปิดตัว MINI Clubman รุ่นพิเศษ ในชื่อรุ่น Hampton ครับ เป็นมินิ Special Edition ที่ตกแต่งพิเศษหลายอย่าง มีสีหลักคือสี Reef Blue (แต่ก็มีตัวเลือกเป็นสีขาว Pepper White และสีดำ Midnight Black ให้เลือกด้วย) มีโลโก้ Hampton อยู่บริเวณขอบหน้าต่างของตัวรถ, บันไดรถ, กรอบไฟเลี้ยว, ล้อลายพิเศษ Twin Blade Spoke 17 นิ้ว

งานเปิดตัว MINI Clubman Hampton ในไทยนี้จัดขึ้นที่โรงแรม Mandarin Oriental กรุงเทพครับ

  • 2012 – MINI Clubvan Concept

P90089808_highRes

ต้นปี 2012 ทาง MINI ก็ได้เปิดตัวคอนเซปต์คาร์ใหม่ 1 รุ่นด้วยกัน คือ MINI Clubvan Concept ครับ … ไม่ได้พิมพ์ผิด และอย่าสับสนกับ R55 Clubman นะครับ ถึงแม้ว่า MINI Clubvan Concept จะใช้ตัวถังแบบเดียวกับ MINI Clubman ทุกอย่าง แต่มีการดัดแปลงภายใน ให้สมกับชื่อของรถ Van คือต้องเก็บของได้มาก ทาง MINI เลยตัดเอาเบาะหลังออกทั้งหมด เหลือเพียง Clubman ที่มีแค่ 2 ที่นั่ง แต่เก็บของได้เยอะมหาศาล และยังมีการเสริมคานเหล็กบริเวณหลังเบาะคู่หน้า เพื่อป้องกันไม่ให้สัมภาระไหลมากระแทกเมื่อมีการเบรคกะทันหันด้วย

Screen Shot 2013-07-02 at 20.36.10

อีกหนึ่งจุดเด่นของ MINI Clubvan Concept คือลวดลาย Vinyl ด้านนอกตัวรถ ที่เอาไว้เพนท์บอกว่าเราขนอะไรมาขาย เข้ากับสไตล์รถแวนสมัยก่อน ผมจำได้ว่า MINI USA เคยทำแคมเปญออนไลน์ ประกวดออกแบบลาย Vinyl สำหรับรถ Clubvan ด้วยล่ะ

และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะ 1 ปีให้หลังจากที่ MINI ปล่อย MINI Clubvan Concept ออกมา ก็ได้ฤกษ์ผลิตขายจริง และมีเพียง One/Cooper/Cooper D เท่านั้น (ไม่มี Cooper S) ทำตลาดในบางประเทศ โดยเริ่มจากสหรัฐอเมริกาในเดือนมี.ค. 2013 ก่อน แต่เมื่อถึงเดือน ก.ค. 2013 MINI Clubvan ขายในสหรัฐอเมริกาได้เพียง 52 คันเท่านั้น ทาง MINI USA จึงตัดสินใจยกเลิกการขาย MINI Clubvan ในที่สุด แต่ก็ยังคงมีอยู่ในบางประเทศครับ

MINI Clubvan ไม่มีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย

—————–

R57 (2009-ปัจจุบัน : MINI Convertible)

P0051068

ต้นปี 2009 ก็ได้ฤกษ์งามยามดี สำหรับ MINI เปิดประทุน Generation ที่ 2 หลังจากที่ R52 MINI Convertible อยู่ในตลาดมาหลายปี และ MINI ก็ทำตลาด Gen.2 อย่าง R56 และ R55 ไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ก็เป็นไปตามคาดที่ทาง MINI จะออกมินิเปิดประทุนมาใหม่ โดยรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ R56 แต่เป็นหลังคาผ้าใบ และยังคงเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า 100%

สิ่งที่ปรับปรุงจาก R52 Convertible ที่นอกเหนือจากการปรับโฉมจาก Gen.1 มาเป็น Gen.2 แล้ว ยังมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ MINI ใส่ใจกับรถ “เปิดประทุน” ของตนเองอีกหลายจุด เช่น การเพิ่มเกจ์ ‘Always Open Timer’ เพื่อวัดว่าเราได้เปิดประทุนมาเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่แล้ว ซึ่ง MINI ได้ใช้เป็นจุดเด่นในการทำตลาด ให้เจ้าของ MINI Convertible อยากที่จะเปิดประทุนมากขึ้น (เพื่อที่จะได้เห็นเข็มในเกจ์นี้ขยับ) และใช้คำโปรยในโฆษณาว่า ‘Always Open’

มีการปรับปรุงในส่วนของ Rollover Bar ด้านหลังใหม่ ให้ปลอดภัยมากขึ้น และมีทัศนวิสัยที่ดีขึ้น รวมถึงปรับปรุงส่วนของพื้นที่เก็บสัมภาระ ให้เก็บได้มากขึ้น และสามารถเข้าถึงพื้นที่ฝากระโปรงท้ายได้จากเบาะหลัง โดยไม่ต้องลงจากรถ

R57 MINI Convertible ถือเป็นตัวถังที่ได้รับความนิยมสูงมากในการใช้เป็นโมเดลถ่ายภาพ / ถ่ายทำโฆษณาต่างๆ ซึ่งเราจะได้เห็นจากสื่อหลักอยู่เป็นประจำครับ

—————–

R60 (2010-ปัจจุบัน : MINI Countryman)

mini_countryman_resize

ก่อนที่จะพูดถึง MINI Countryman ที่เปิดตัวตอนต้นปี 2010 ต้องย้อนไปถึงช่วงปลายปี 2008 เลยครับ ที่งาน Paris Motor Show 2008 ทาง MINI ได้เปิดตัวรถยนต์คอนเซปต์หนึ่งรุ่น คือ MINI Crossover Concept ซึ่งเป็นรถที่มีขนาดและมิติไม่ต่างจาก MINI Countryman เลย แต่ ณ ปีนั้นยังคงเป็นคอนเซปต์คาร์ ที่หลายสำนักคาดเดากันต่างๆ นานา ว่า MINI จะมาเอาจริงกับรถที่มีขนาดใหญ่จนไม่น่าจะเรียกว่า MINI จริงหรือ?

แต่พอถึงต้นปี 2010 ทุกอย่างก็เป็นจริงครับ กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ MINI Countryman รถ MINI คันแรกที่มีความยาวมากกว่า 4 เมตร, มี 4 ประตู (บางคนอาจเรียกว่า 5 ประตู ถ้ารวมฝากระโปรงท้าย), และมาพร้อมออพชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (ALL4)

MINI Countryman เปิดตัวภายใต้รหัสตัวถัง R60 ถือเป็นการบุกเบิกเซคชั่นใหม่ของแบรนด์ MINI แบบเต็มตัว โดยกระแสตอบรับในช่วงเปิดตัวนั้น ออกมาหลายทิศทางมาก (ไม่แพ้กับตอนที่ Porsche เปิดตัว Cayenne เลยทีเดียว) แต่สุดท้าย MINI Countryman ก็กลายเป็น MINI รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

เกร็ดน่ารู้: ในประเทศญี่ปุ่น MINI Countryman ทำตลาดด้วยชื่อรุ่น MINI Crossover

MINI Countryman ถือเป็น MINI รุ่นแรก ที่ไม่ได้ผลิตที่โรงงาน Oxford ประเทศอังกฤษ แต่ถูกผลิตที่โรงงานของ Magna Steyr เมือง Graz ประเทศออสเตรียตั้งแต่แรกเริ่ม และในเดือนเมษายน 2013 ก็ได้โรงงานของ BMW Group ที่เชนไน ประเทศอินเดีย มาช่วยผลิตอีกแรง

ออพชั่นเสริมของ MINI Countryman ที่น่าสนใจคือออพชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือที่ MINI เรียกว่า ALL4 ซึ่ง MINI มีออพชั่นนี้ให้เลือกเฉพาะรุ่น MINI Cooper S เท่านั้น (และถูกเพิ่มให้ Cooper เลือกได้ในบางประเทศยุโรป) โดยการทำงานของระบบ ALL4 จะคำนวนโดยระบบคอมพิวเตอร์ของตัวรถ ถ่ายการทำงานของแต่ละล้อให้เหมาะสมกับสภาพถนน ณ ตอนนั้นโดยอัตโนมัติ ไม่มีปุ่มเปิด/ปิดการทำงาน และคนขับไม่สามารถเลือกควบคุมได้

ในปี 2010 ทาง MINI ได้ตัดสินใจประกาศกลับเข้าสู่การแข่งขัน World Rally Championship หรือ WRC อีกครั้ง ด้วยรถ MINI Countryman WRC ที่ถูกปรับแต่งมาเป็นพิเศษ และได้เข้าแข่งขันในฤดูกาลปี 2011 เป็นครั้งแรก ได้รับรางวัล Rally Car of the Year โดย Autosport

จากนั้น Stephane Peterhansel นักขับแรลลี่ชื่อดัง ก็มาเป็นผู้นำรถ MINI ALL4 เข้าเส้นชัย เป็นแชมป์ Rally Dakar ทั้งในปี 2012 และ 2013

MINI Countryman เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในงาน Thailand International Motor Expo 2010 ครับ

  • 2012 – MINI JCW ALL4 Countryman

P90089923_highRes-3-640x398_resize

ข้อสังเกตหนึ่งของ MINI Countryman ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2010 คือยังไม่มีตัวเลือกของโมเดล John Cooper Works (JCW) มาให้ แต่มาเปิดตัวในปี 2012 ด้วยรหัสเครื่องยนต์ใหม่ ที่มีออพชั่นของเกียร์ออโต้ให้เลือกด้วย (ดูรายละเอียดจากหัวข้อ 2012 – JCW Refresh ของ R56) และยังมาพร้อมกับชุดแต่งแอโรไดนามิกรอบคัน ล้อลายใหม่ เบรคแบบสปอร์ต และการตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมด  ซึ่ง MINI JCW ALL4 Countryman นี้ ทาง MINI เคลมตัวเลขความแรงเอาไว้ที่ 211 แรงม้า รีดความแรงออกมาจน MINI ต้องล็อคความเร็วสูงสุดในคอมพิวเตอร์ของรถเพื่อทำตลาดในบางประเทศเลยทีเดียว

JCW ของ Countryman นี้ มีเฉพาะที่เป็น ALL4 ครับ และถูกนำเข้าโดยผู้นำเข้าอิสระเข้ามาวิ่งบนถนนบ้านเราหลายคันแล้วเหมือนกัน

  • 2012 – MINI Countryman Mid-Cycle Refresh

P90107220_highRes

ปลายปี 2012 หลังจากที่ MINI Countryman ออกมาได้ 2 ปีเศษ ทาง MINI ก็ได้ปรับปรุง Countryman เล็กน้อย (ต้องบอกว่าเล็กน้อยมาก ไม่นับเป็น Minor Change ด้วยซ้ำ) แต่เป็นการปรับปรุงที่ใส่ใจกับรายละเอียดปลีกย่อยโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น การย้ายตำแหน่งปุ่มเปิด/ปิดหน้าต่าง มาอยู่ที่ประตู จากเดิมที่อยู่คอนโซลกลาง, ดีไซน์แผงประตูภายในใหม่, ปรับปรุงสีตกแต่งภายใน, เพิ่มสีตัวรถ Blazing Red และ Brilliant Copper โดยการปรับปรุงครั้งนี้ไม่แตะต้องระบบเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และชุดเกียร์ครับ

  • 2013 – MINI Countryman ประกอบในประเทศไทย

MINI OPEN HOUSE (6)

เรื่องนี้น่าจะช็อควงการที่สุดในปี 2013 ครับ หลังจากที่ BMW Group ประกาศว่า MINI Countryman จะประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่โรงงาน BMW Manufacturing นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง (โรงงานเดียวกับที่ประกอบ BMW ซีรีย์ 3, 5, 7, X1 และ X3) และได้ทำการเปิดตัวสายการประกอบรถ MINI Countryman อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ส.ค. 2013

เบื้องต้น MINI Countryman จะประกอบในไทยทั้งหมด 3 โมเดลคือ MINI Cooper Countryman, MINI Cooper D Countryman และ MINI Cooper SD ALL4 Countryman โดยเปิดราคาต่ำกว่า Countryman ที่เคยนำเข้ามามากถึงรุ่นละ 750,000 – 800,000 บาท ส่งผลให้ MINI Countryman เป็น MINI ที่เปิดราคาขายถูกที่สุดในไทยทันที เริ่มต้นที่เพียง 1.84 ล้านบาทเท่านั้น และเริ่มส่งมอบคันแรกได้ประมาณเดือน ต.ค. 2013

—————–

R58 (2011-ปัจจุบัน : MINI Coupe)

P900766651-640x426

กลางปี 2011  ทาง MINI ได้เปิดตัว MINI Coupe ภายใต้รหัสตัวถัง R58 ซึ่งเป็น MINI รุ่นแรกที่มีเพียงแค่ 2 ที่นั่ง ทรง Sport หลังคาแข็ง มีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์ และฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ถูกเซ็ตมาสปอร์ตกว่า R56 อย่างชัดเจน พื้นที่เก็บสัมภาระที่ฝากระโปรงท้ายมหาศาลถึง 280 ลิตร มีช่องเปิดทะลุระหว่างห้องโดยสารกับห้องเก็บสัมภาระได้ หลังคาของรถ MINI Coupe เป็นทรงโค้งเหมือนใส่หมวกกลับด้าน มีสปอยเลอร์หลังที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ยกขึ้นเองเมื่อความเร็วเกิน 80km/h และเก็บเองเมื่อความเร็วต่ำกว่า 60km/h

MINI Coupe เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในงาน Thailand International Motor Expo 2011

—————–

R59 (2012-ปัจจุบัน : MINI Roadster)

201110_P90085874-zoom-orig

ปลายปี 2011 ช่วงรอยต่อเข้าปี 2012 ทาง MINI ได้เปิดตัว MINI Roadster ตามมา ภายใต้รหัสตัวถัง R59 ซึ่งแชร์ตัวถังกับ R58 แต่เป็นหลังคาผ้าใบ เปิดประทุนได้ โดย MINI Roadster เป็นรถเปิดประทุน 2 ที่นั่งรุ่นแรกของแบรนด์ MINI

ระบบเปิดประทุนของ MINI Roadster มาให้เลือก 2 ออพชั่น คือ เปิดด้วยมือ 100% โดยไม่ใช้ระบบไฟฟ้าเลย และแบบ Semi-Automatic เปิดด้วยไฟฟ้า และยังคงต้องใช้มือเพื่อล็อค/ปลดล็อคหลังคาอยู่ โดยที่ MINI ให้เหตุผลของการไม่ทำระบบเปิดประทุนด้วยไฟฟ้า 100% ของ MINI Roadster ว่า ชุดยกหลังคาแบบไฟฟ้า 100% มีน้ำหนักมากเกินไป และอาจทำให้ MINI Roadster สูญเสียพื้นที่เก็บสัมภาระโดยไม่จำเป็น ซึ่งภายหลัง MINI ได้ยกเลิกออพชั่นเปิดด้วยมือออก เหลือเพียงแบบ Semi-Automatic เท่านั้น

MINI Roadster เผยโฉมครั้งแรกอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในงาน MINI Festival 2012 ซึ่งเป็นงานฉลองครบรอบ 10 ปีมินิประเทศไทย โดยทางมินิประเทศไทยนำเข้า MINI Roadster เข้ามาจำหน่ายด้วยจำนวนที่น้อยมากๆ คาดว่าเมื่อรวมกับจำนวนของผู้นำเข้าอิสระแล้ว มี MINI Roadster อยู่ในไทยประมาณ 10 คันเท่านั้น

—————–

R61 (2013-ปัจจุบัน : MINI Paceman)

P90102426-640x313

MINI Paceman รหัสตัวถัง R61 ถือเป็น MINI ตัวถังแบบที่ 7 ที่ทาง MINI ได้ทำการเปิดตัว และถือว่าเป็นรถ category ใหม่ของโลก ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยทาง MINI ตั้งชื่อกลุ่มรถของ MINI Paceman ว่ามันคือ Sports Activity Coupe ซึ่งถ้าดูจากขนาดและประโยชน์ใช้สอย ก็คงต้องบอกว่าจริงอย่างที่ MINI ว่าไว้ คือมันไม่มีรถยี่ห้ออื่นๆ หรือ รุ่นอื่นๆ ที่ตรงกับ MINI Paceman โดยตรงเลย

MINI Paceman มีความยาวเท่ากับ R60 MINI Countryman แต่มี 2 ประตู มีการดีไซน์ในส่วนของหลังคาให้ลาดเอียงลงไปทางด้านท้ายรถคล้ายคลึงกับที่เราได้เห็นใน R58 MINI Coupe แต่ภายในยังคงกว้างและเก็บของได้เยอะไม่แพ้ Countryman นอกจากนี้ MINI Paceman ยังมีการออกแบบในส่วนของด้านท้ายใหม่ทั้งหมด เป็นครั้งแรกที่ MINI ใช้ไฟท้ายในรูปทรงแนวนอน และเป็นครั้งแรกที่ MINI มีการติดชื่อรุ่นลงไปบนตัวรถที่ฝากระโปรงท้าย (ภายหลัง ออพชั่นป้ายชื่อรุ่นนี้มีให้เลือกใน Countryman ด้วย)

ด้วยความที่รูปทรงของ Paceman ยังมาเป็น MINI ทรงสูงแบบ Countryman จึงยังคงมีออพชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อหรือ ALL4 มาให้ครับ MINI Paceman มาพร้อมกับสีใหม่คือสี Starlight Blue (สีที่เห็นตามรูปด้านบน) ซึ่งเป็นสีที่ไม่เคยมีมาก่อน และเป็นสีที่ exclusive ให้กับ MINI Paceman โดยเฉพาะ รุ่นอื่นไม่สามารถเลือกสีนี้ได้

MINI Paceman เปิดตัวในไทย ในงาน Bangkok International Motor Show 2013 เดือนมีนาคม

อ่านรีวิว MINI Cooper S ALL4 Paceman ของเราได้ที่นี่ >> Review: MINI Cooper S ALL4 Paceman

—————–

F56 (2014-ปัจจุบัน : MINI Hatchback)

P90139373_highRes

P90139374_highRes

P90139376_highRes

P90139186_highRes

18 พฤศจิกายน 2013 ทาง MINI ได้เปิดตัว MINI Hatchback ในเจเนอเรชั่นที่ 3 ภายในรหัส F56 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของแพลทฟอร์มรถ MINI มีการปรับปรุงดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกใหม่ทั้งหมด โดยไม่ใช้อะไหล่ร่วมกับเจเนอเรชั่นก่อนหน้าเลย งานเปิดตัวจัดขึ้นครั้งแรกที่โรงงาน MINI Plant Oxford ตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบ 107 ปีของ Sir Alec Issigonis ผู้ให้กำเนิดแบรนด์มินิ

MINI Hatchback ในรหัส F56 นี้ ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงเอกลักษณ์ดีไซน์ของความเป็น MINI โดยใช้คอนเซปต์ The New Original มีความโดดเด่นที่กระจังหน้ารูปทรงหกเหลี่ยม ซึ่งเหมือนกับที่ใช้ในรถมินิคลาสสิค ไฟหน้ามีวงแหวน Daytime Running Lights เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มิติของตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า R56 ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความยาว ความกว้าง และ ความสูงของตัวรถ

ภายในตัวรถมีการปรับปรุงใหม่โดยใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ MINI Connected ใหม่, ระบบช่วยจอด Park Assist, มีกล้องหน้ารถและกล้องถอยจอด, หน้าจอ Head-up Display, มีการปรับปรุงทางการดีไซน์ของคอนโซลกลางใหม่ ที่ไม่ได้เป็นมาตรวัดความเร็วแล้ว แต่เป็นวงแหวนของไฟสีต่างๆ เพื่อบอกสถานะการทำงานของระบบที่กำลังควบคุมอยู่ภายในตัวรถแทน มีการมาตรวัดความเร็วไปอยู่บริเวณหลังพวงมาลัยเพื่อบอกข้อมูลให้กับผู้ขับเพียงคนเดียว

เครื่องยนต์ ถูกอัพเกรดมาใช้เครื่องยนต์ใหม่ของ BMW โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 รุ่นคือ เครื่องยนต์เบนซินรหัส B38 TwinPower Turbo 1.5 ลิตร 3 สูบ ให้กำลัง 134 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper, เครื่องยนต์เบนซินรหัส B48 TwinPower Turbo 2.0 ลิตร 4 สูบ ให้กำลัง 189 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper S และ เครื่องยนต์ดีเซลรหัส B37 TwinPower Turbo ให้กำลัง 114 แรงม้า สำหรับ MINI Cooper D

—————–

F55 (2014-ปัจจุบัน : MINI 5 door)

P90152335-highRes

P90151695-highRes

5 มิถุนายน 2014 ทาง MINI เปิดตัว MINI Hatchback 5 ประตูเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ MINI 5 door โดยใช้พื้นฐานตัวถังของ F56 มาขยายความยาวของตัวถังให้มากขึ้น และเพิ่มประตูสำหรับผู้โดยสารแถวหลังเข้าไป ทำให้ MINI 5 door เป็นรถ Hatchback 5 ประตูรุ่นแรกของ MINI เพื่อเสริมความต้องการของตลาด สำหรับผู้ที่อยากได้รถที่มีความสนุกสนานสไตล์ MINIแต่ยังคงไว้ด้วยความสะดวกสบายของผู้โดยสารทุกที่นั่ง

—————–

F54 (2015-ปัจจุบัน : MINI Clubman)

P90187554_highRes

P90187555_highRes

24 มิถุนายน 2015 MINI เปิดตัว MINI Clubman โฉมใหม่ ภายใต้รหัสตัวถัง F54 ถือเป็น MINI Clubman รุ่นที่สอง ถัดจาก R55 โดยมีการขยายมิติของตัวถังรถยนต์ขึ้นทุกด้าน นับเป็นรถ MINI ที่ยาวที่สุด ณ วันที่เปิดตัว มีการขยายพื้นที่ของผู้โดยสารแถวหลัง ใช้ประตูบานพับแบบปกติ 4 บาน แต่ยังคงใช้ฝากระโปรงท้ายแบบตู้กับข้าว ตามแบบฉบับของ MINI Clubman ดั้งเดิม

MINI Clubman ใหม่ ยังถือเป็น MINI ในเจเนอเรชั่นที่สาม แต่เป็น MINI รุ่นแรกที่มีการขยายขนาดของตัวถังด้านข้างให้กว้างขึ้น พร้อมเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเบาะปรับไฟฟ้า แผงคอนโซลแบบใหม่ รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนชุดเกียร์มาเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเป็นครั้งแรก


หมีคุมะมงจากญี่ปุ่น เยือนโรงงานมินิในโอกาสครบรอบ 100 ปี Oxford Plant

$
0
0

แมสคอท “คุมะมง” ตุ๊กตาหมีจากจังหวัดคุมะโมะโตะ ประเทศญี่ปุ่น ไปเยือนบ้านเกิดของมินิ ที่โรงงาน BMW Group Plant Oxford ประเทศอังกฤษ ในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปีของโรงงาน

การเยือนโรงงานของเจ้าหมีคุมะมงครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับจากเจ้าบ้านอย่างประเทศอังกฤษด้วยตุ๊กตาหมี Paddington ในการพาเยือนโรงงาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทั้งสองประเทศ และได้รับการต้อนรับจากพนักงานของ BMW Group Plant Oxford ที่โรงงานเป็นอย่างดี

Screen Shot 2013-07-14 at 15.48.21

นอกจากนี้ ทาง MINI ยังตกแต่งรถ MINI Convertible เป็นลายหมีคุมะมง และจะส่งไปโชว์ที่โชว์รูมมินิในจังหวัดคุมะโมะโตะต่อไป  แฟนมินิคนไหนอยากเห็น MINI Kumamon คันนี้ ต้องตามไปดูที่ญี่ปุ่นครับ

Screen Shot 2013-07-14 at 15.47.54

Source: Asahi

ภาพหลุดครั้งแรกของ F57 – 2015 MINI Convertible

$
0
0

ยังไม่ทันที่ F56 มินิเจเนอเรชั่นที่สามจะได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็มีภาพหลุดของ F57 MINI Convertible ออกมาให้ได้เห็นกันแล้ว ซึ่งโดยปกติแล้ว MINI Convertible ก็จะทำการเปิดตัวหลังจาก MINI Hatchback หลังคาแข็งประมาณ 1 ปี ซึ่งครั้งนี้ก็คงเกิดขึ้นเช่นเดิมครับ

เป็นไปตามไทม์ไลน์ของ MINI ที่คาดเดากันได้อยู่แล้วว่า MINI จะต้องทำการเปิดตัว MINI ในโมเดล Convertible เปิดประทุนตามออกมาจาก MINI Hatchback โดยจะทิ้งช่วงกันประมาณ 1 ปีเศษๆ โดยครั้งนี้ MINI จะทำการเปิดตัว F56 หรือ MINI ในเจเนอเรชั่นที่สามอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งคิวของ F57 MINI Convertible ในเจเนอเรชั่นที่สาม น่าจะเปิดตัวประมาณต้นปี 2015

F57-3

รูปโฉมของ F57 ก็ค่อนข้างชัดเจนว่ามันคือรูปทรงของ F56 ที่สามารถเปิดประทุนได้ (เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นใน R52 เจเนอเรชั่นที่หนึ่ง และ R57 เจเนอเรชั่นที่ 2) โดยรายละเอียดจากภาพหลุดชุดแรกนี้ยังมีรายละเอียดให้เห็นน้อยมาก ไม่มีภาพขณะที่เปิดประทุนแล้ว และไม่มีภาพจากด้านท้ายรถแบบเต็มๆ ที่ทำให้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าระบบการยกหลังคา รวมถึงพื้นที่ของฝากระโปรงท้ายจะเป็นอย่างไรใน F57 นี้

F57-1

ตามไทม์ไลน์ที่คาดกันว่า MINI จะเปิดตัวรถในรุ่นต่างๆ ของเจเนอเรชั่นที่สาม หลังจากที่เปิดตัว F56 ในวันที่ 18 พ.ย.นี้แล้ว คือ MINI น่าจะทำการเปิดตัว MINI ในเวอร์ชั่น Hatchback 5 ประตูในปี 2014 (รหัสตัวถัง F55) และตามมาด้วย F57 MINI Convertible ในช่วงต้นปี 2015 ตามลำดับ

F57-4

 

F57-6

คาดการณ์รถ MINI เปิดตัวและวันวางจำหน่าย ปี 2014-2015

$
0
0

สวัสดีปีใหม่แฟนๆ MINI ทุกท่านครับ ผ่านพ้นปี 2013 ขึ้นศักราชใหม่ 2014 ก็ขอเปิดด้วยบทวิเคราะห์รถ MINI ที่จะเปิดตัวในปี 2014-2015 พร้อมวันวางจำหน่าย ทั้งที่วางจำหน่ายในต่างประเทศ และวางจำหน่ายในไทย โดยข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 2014 สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงภายในของ BMW Group กำหนดการวางจำหน่ายเป็นการคาดการณ์  และไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ณ วันที่เขียนครับ

F56 : MINI Hatch 3-dr

1401174_601499916583566_1685539742_o

เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2013 ที่ผ่านมา กับ MINI เจเนอเรชั่นที่ 3 ในรหัส F56 ซึ่งเป็น MINI Hatch ทดแทนรหัส R56 ที่หมดอายุขัยลง เหลือเพียงแต่กำหนดวางจำหน่าย ซึ่งเราได้รับการยืนยันมาแล้วว่า F56 จะวางจำหน่ายในยุโรป และ สหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม 2014

P90139186_highRes

F56 ชุดแรกที่วางจำหน่ายทั่วโลก จะมี 3 รุ่นย่อยคือ MINI Cooper เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 3 สูบ, MINI Cooper D เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.5 ลิตร 3 สูบ และ MINI Cooper S ขยับไปใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ

กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยครั้งแรก ในงาน Bangkok International Motor Expo 2014 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2014 ซึ่งทาง MINI Thailand ให้ข้อมูลว่า มีมาโชว์ในงานพร้อมเปิดจองอย่างแน่นอน

F56 : JCW

P90140964_highRes

ช่วงปลายปี 2013 มีการเผยโฉม F56 Hatch  ในเวอร์ชัน JCW ในรูปแบบของรถยนต์คอนเซปต์ ในชื่อ MINI John Cooper Works Concept ไปแล้ว ซึ่งรถคอนเซปต์คันนี้จะโชว์ตัวในงาน NAIAS 2014 ที่ดีทรอยต์เดือนมกราคม 2014 นี้เลย แต่กำหนดการวางจำหน่ายและเปิดตัวของ F56 JCW นั้น อาจจะต้องรอไปจนถึงต้นปี 2015 ใครที่รอเวอร์ชันจัดเต็มของ F56 อย่าง JCW อาจจะต้องระงับกิเลสกันไว้ก่อนในช่วงนี้

F55 : MINI Hatch 5-dr

2015-MINI-Cooper-5-door-Traveller-3

สำหรับรุ่นใหม่หมดจดที่จะเปิดตัวถัดจาก F56 เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนใน MINI รุ่นที่ผ่านๆ มาเลย นั่นคือ MINI Hatch ในเวอร์ชั่น 5 ประตู ภายใต้รหัสพัฒนา F55 (อย่าสับสนกับ R55 Clubman เพราะ F55 เป็น “Hatch 5 ประตู” ไม่ใช่ Clubman นะครับ) โดย F55 ได้รับการยืนยันจากผู้บริหาร MINI แล้ว ว่า “มาแน่” และ “เริ่มผลิต” แล้ว ผมเองมีโอกาสได้เห็นชิ้นส่วนระบุรหัส F55 ภายในโรงงาน MINI Plant Oxford มาด้วยสายตาตัวเองตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2013 ที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ MINI เปิดโรงงานให้ชมสายการผลิต F56 ครับ

2015-MINI-Cooper-5-door-Traveller-15

F55 จะเป็นผลผลิตใหม่ของครอบครัว MINI เพื่อเปิดความต้องการให้กับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายของผู้โดยสารแถวหลัง แต่ยังอยากได้มิติของตัวรถที่คล่องแคล่ว ปราดเปรียว น้ำหนักเบาอย่าง MINI Hatch อยู่ ซึ่งในตลาดประเทศไทยอาจจะมองเป็นเรื่องที่น่าขบขันเสียหน่อย เพราะถูกแวดล้อมด้วยบรรยากาศของรถอีโคคาร์ Hatchback 5 ประตูอยู่เต็มไปหมด จนภาพลักษณ์ของ Hatch 5 ประตูในบ้านเราเป็นภาพลักษณ์ของรถยนต์ในราคาประหยัดมากกว่าจะมาอยู่กับแบรนด์ MINI แต่ในตลาดต่างประเทศ ทาง MINI กลับมองว่า นี่เป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะจะสามารถใช้งานที่นั่งแถวหลังของ MINI Hatch ได้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นลงของผู้โดยสาร, การวางที่นั่งเด็ก หรือแม้กระทั่งการขึ้นลงของสุนัข

มิติของ F55 คาดว่าจะมีความยาวมากกว่า F56 เล็กน้อย โดยมีการเพิ่ม leg room ของผู้โดยสารแถวหลังมากขึ้น (อาจลดพื้นที่เก็บสัมภาระในฝากระโปรงลงนิดหน่อย) โดยลักษณะของประตู จะค่อนข้างคล้ายคลึงกับที่เราเห็นใน MINI Countryman ปัจจุบัน ส่วนเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ใน F55 จะยังคงเหมือนกับ F56 ที่เพิ่งเปิดตัวไปทุกประการ

กำหนดการเปิดตัวและวางจำหน่าย F55 MINI Hatch 5 ประตู คือไตรมาสที่สามของปี 2014 และน่าจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ไม่เกินสิ้นปีครับ

F57 : MINI Convertible

F57-1

ถัดจาก F55 ก็จะเป็นคิวของ F57 MINI Convertible หรือเวอร์ชันเปิดประทุนของ F56 ครับ ซึ่งรายละเอียดของ F57 นั้นค่อนข้างชัดเจนว่า มันคือ F56 หลังคาผ้าใบ โดยมีรายละเอียดทางวิศวกรรม รวมถึงมิติของตัวรถเหมือนกับ F56 ทุกประการ ชุดยกหลังคาผ้าใบของ F57 จะยังคงเป็นระบบไฟฟ้า 100% เช่นเดียวกับที่ใช้กับ R57 MINI Convertible ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน

กำหนดการเปิดตัว F57 คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2015 คาดว่าเข้าไทยทันงาน Thailand International Motor Expo ช่วงปลายปี 2015 อย่างแน่นอน

F54 : MINI Clubman

F54

รุ่นสุดท้ายที่จะมาในปี 2015 คือ F54 MINI Clubman ที่จะเป็น MINI รุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง เพราะ มีการตัดสินใจจาก MINI ในการเปลี่ยนมิติของตัวรถ R55 MINI Clubman ให้มีความยาวมากขึ้นกว่าเดิมมาก เพิ่มประตูจาก 2+1 ปัจจุบัน เป็น 4 ประตูเต็มรูปแบบ และเป็น 4 ประตูที่มีความยาวพอๆ กับ MINI Countryman ปัจจุบันเลยด้วย (ยาวกว่า F55) ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระในฝากระโปรงท้ายก็ขยายขึ้นแบบไม่มีกั๊ก ยังคงมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยประตูฝาท้ายแบบตู้กับข้าว แต่เปลี่ยนตำแหน่งบานพับให้อยู่มุมของตัวรถ เปลี่ยนลักษณะไฟท้ายใหม่ ให้มีรูปทรงแนวนอนคล้ายกับที่ใช้ใน MINI Paceman ปัจจุบัน และย้ายตำแหน่งไฟท้ายไปอยู่บนบานประตู แทนที่จะอยู่บนตัวถังของตัวรถ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนของขึ้นลงตัวรถให้มากขึ้นกว่าเดิม

F54-spy-2

F54 ยังคงใช้แพลทฟอร์มเดียวกับ F56/F55 ซึ่งระบบการขับเคลื่อน การออกแบบด้านหน้าของตัวรถ เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีที่ใช้ จะยังเหมือนกับ F56/F55 ทุกประการ

กำหนดการเปิดตัว F54 MINI Clubman เจเนอเรชั่นใหม่คือปลายปี 2015 และวางจำหน่ายไม่เกินกลางปี 2016

MINI E

MINI E

อีกหนึ่งโมเดลที่น่าสนใจมากในช่วง 2-3 ปีที่จะถึงนี้ คือความคาดหวังของ MINI E หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก MINI ที่ทาง MINI ได้ทำการทดสอบอย่างจริงจังมา 4-5 ปีแล้ว และมีการผลิตขึ้นมาเพื่อทดสอบตามหัวเมืองต่างๆ ทั่วโลกมากถึง 500 คัน รวมถึงเร็วๆ นี้ยังมีภาพหลุดของ MINI E Race Coupe ออกมาเพิ่มเติมอีก ทำให้แฟนๆ MINI มีความหวังจะได้เห็น MINI ในเวอร์ชั่นไฟฟ้าชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า MINI จะเข็นโปรเจค MINI E ออกมาวางจำหน่ายจริงเมื่อไหร่ ซึ่งส่วนตัวแล้ว คาดว่า BMW Group ต้องรอดูเสียงตอบรับจากรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW อย่าง BMW i3 ประกอบการตัดสินใจด้วย ซึ่งเชื่อได้ว่า ปลายปี 2015 ต่อเนื่องไปถึงปี 2016 มีลุ้นครับ

MINI รุ่นอื่นๆ

IMG_0161

สำหรับ MINI รุ่นอื่นๆ อย่าง MINI Countryman, MINI Paceman, MINI Coupe และ MINI Roadster นั้น จะยังไม่มีการพูดถึง และอาจจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นเลยในช่วง 2 ปีที่จะถึงนี้ครับ โดยอาจจะมีเพียงการออกรุ่นพิเศษ หรือ Limited Edition ออกมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย

ย้ำอีกครั้ง ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์และวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี ณ วันที่ 1 ม.ค. 2014 เท่านั้น ข้อเท็จจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลนี้ไปบ้าง จากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ซึ่งเราจะนำเสนอความเคลื่อนไหวของ MINI อย่างต่อเนื่องครับ

สวัสดีปีใหม่แฟนๆ MINI อีกครั้ง ขอให้มีความสุขกับการขับรถครับ

สรุปยอดขาย MINI แต่ละโมเดลทั่วโลก ประจำปี 2013

$
0
0

BMW Group ได้มีการเปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2013 อย่างละเอียดออกมาแล้ว วันนี้ผมพาคุณผู้อ่านไปดูในส่วนของแบรนด์ MINI ทั่วโลกกันครับ ว่าภาพรวมของรถยนต์ MINI ตลอดปีที่ผ่านมา เป็นอย่างไรกันบ้าง

จากข้อมูลยอดขายเมื่อแบ่งตามโมเดลทั้ง 7 โมเดลของ MINI ในปัจจุบันแล้ว มีการสรุปตัวเลขออกมาดังนี้ครับ

Sales Volume 2013 Chart 1

Sales Volume 2013 Chart 2

ส่วนที่น่าสนใจ คือโมเดลหลักอย่าง MINI Hatch และ MINI Countryman นั้น กินสัดส่วนของยอดขาย MINI รวมทุกโมเดลค่อนข้างมาก โดยปล่อยให้โมเดลย่อย 5 โมเดลที่เหลือ มียอดขายคิดเป็นสัดส่วนโมเดลละไม่ถึง 10% เท่านั้น จากตัวเลขสัดส่วนโดยรวมนี้จึงน่าจะเป็นแผนในอนาคตของ MINI ที่จะโฟกัสโมเดลหลักให้มากขึ้น และมีโอกาสที่จะไม่ต่ออายุให้กับโมเดลย่อยอย่าง MINI Coupe และ MINI Roadster ที่มียอดขายรวมสองโมเดลไม่ถึง 6% ของยอดขายรวมทั้งหมด ตามที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ MINI ยังเปิดเผยอีกว่า รุ่นย่อยของ MINI ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ยังคงเป็นรุ่น Cooper (และ Cooper D) รองลงมาเป็น Cooper S (และ Cooper SD) และ MINI One ตามลำดับ

สำหรับปี 2014 นี้ เป็นปีที่ MINI ทำตลาด New MINI ในเจเนอเรชั่นใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งเราน่าจะได้เห็นตัวเลขสัดส่วนของรุ่น MINI Hatch เติบโตอย่างมหาศาลในปีนี้ครับ

สรุปยอดขาย MINI ทั่วโลก ไตรมาสที่ 1 ของปี 2014

$
0
0

BMW Group เปิดเผยตัวเลขยอดขายรถยนต์ไตรมาสแรกของปี 2014 ออกมาแล้วครับ มาดูกันว่า ไตรมาสแรกหลังจากที่ MINI ได้เปิดตัว MINI F56 มาหมาดๆ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงต้นปีนี้ ทาง MINI มียอดขายเป็นอย่างไรกันบ้าง

.รุ่นรถ. Q1/2013 Q1/2014 % เปลี่ยนแปลง
MINI Hatch 29,519 17,860 -39.5%
MINI Convertible 4,165 3,831 -8.0%
MINI Clubman 3,951 4,484 +13.5%
MINI Countryman 23,559 25,108 +6.6%
MINI Coupe 1,943 1,061 -45.4%
MINI Roadster 2,288 1,449 -36.7%
MINI Paceman 729 4,075 -
.รวมทุกโมเดล. 66,154 57,868 -12.5%

จากยอดขายที่ BMW Group เปิดเผยมา จะเห็นว่ายอดขายรถ MINI โดยรวมทั่วโลกลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 12.5% ซึ่งต้องวิเคราะห์ลงไปถึงแต่ละโมเดล ที่สำหรับรุ่น Hatch ไตรมาสนี้ ถือเป็นไตรมาสแรกของ MINI F56 ในการเริ่มทำตลาด มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปยังไม่ครบทุกประเทศ และยังคงมียอดตกค้างของ R56 ทั่วโลกอยู่มากพอสมควร ยอดขายของโมเดล Hatch จึงมีภาพรวมที่ชะลอตัวอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว จึงมียอดลดลงรวมกว่า 39.5% และกว่าจะวัดผลการตอบรับของ F56 โดยรวมได้ น่าจะต้องรอจนถึงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้กันเลย

ที่น่าสนใจคือในส่วนของ MINI Countryman ที่มียอดขายเติบโตกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วถึง 13.5% สวนทางกับภาพรวมของตลาดที่ชะลอตัวลงพอสมควร โดยในไตรมาสแรกนี้ Countryman ถือเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดของ MINI ในทันที และ สำหรับ MINI Paceman นั้น อาจจะวัดเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วค่อนข้างลำบาก เพราะไตรมาสแรกของปี 2013 เป็นช่วงที่ MINI Paceman เปิดตัวเข้าสู่ตลาดพอดี จึงยังไม่สามารถเทียบกันได้โดยตรง

ตัวเลขยอดขายทั่วโลกที่น่าสนใจคือในส่วนของโมเดล MINI Coupe และ MINI Roadster ที่ถือได้ว่าเป้นไตรมาสที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของทั้งสองโมเดลนี้ มียอดลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วอย่างมหาศาล (Coupe ลดลง 45.4% และ Roadster ลดลง 36.7%) อาจเป็นการส่งสัญญาณว่า MINI ในรูปแบบของ 2-seater หรือ MINI รูปทรงสปอร์ตสองที่นั่งทั้ง 2 โมเดลนี้ อาจไม่ได้รับการต่ออายุในเจเนอเรชั่นถัดไป

อย่างไรก็ตาม ผมไม่มีตัวเลขของยอดขาย MINI ในประเทศไทยของไตรมาสแรกในปีนี้นะครับ โดย MINI F56 ในประเทศไทยที่ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปในงาน Bangkok International Motor Show 2014 เมื่อเดือนที่แล้ว จะเริ่มทำการส่งมอบคันแรกประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

หลุด 3 รุ่นรวด! F57 Convertible, F54 Clubman และ F55 Hatch 5 ประตู!

$
0
0

ห่างหายกันไปสักพักสำหรับข่าวอัปเดตของ MINI รุ่นถัดไปที่เข้าคิวเปิดตัวถัดจาก F56 Hatch มาวันนี้มีความคืบหน้ามาทีเดียว 3 รุ่นรวดเลยครับ นั่นคือ F57 Convertible, F54 Clubman และ F55 Hatch 5 ประตู ที่เคยมีข่าวหลุดออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้บ้างแล้ว

ภาพที่เห็นด้านบนนี้ คือภาพแรกสุดของ MINI ทั้งสามโมเดลใหม่ ที่ถูกถ่ายได้จากสนามทดสอบ Nürburgring ซึ่ง MINI ได้นำรถรุ่นใหม่ทั้งสามรุ่นไปทำการวิ่งทดสอบระบบช่วงล่าง ซึ่งเปิดเผยมาโดยเว็บไซต์ MotoringFile พร้อมกับรายละเอียดความคืบหน้าของแต่ละรุ่น ดังนี้

F55 : 2015 MINI Hatch 5 ประตู

F55

MINI Hatch ในเวอร์ชั่น 5 ประตู ภายใต้รหัสพัฒนา F55 จะเป็น MINI รุ่นที่จ่อคิวเปิดตัวถัดจาก F56 ก่อนเพื่อน ซึ่ง MINI Hatch 5 ประตู (ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ) จะยึดถือเอาดีไซน์ของ F56 หรือ Hatch 3 ประตูในปัจจุบันเป็นพื้นฐาน ซึ่งในส่วนด้านหน้าของตัวรถจะไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย จะมีเพียงความยาวฐานล้อที่มากขึ้น โดยแหล่งข่าวเคลมว่า พื้นที่ของผู้โดยสารแถวหลังจะมีมากขึ้นกว่า F56 อยู่ราวๆ 5 เซนติเมตร โดยมิติตัวถังในด้านอื่นๆ นั้นจะยังคงเหมือนกับ F56 ทุกประการ รวมถึงในส่วนของเครื่องยนต์และออปชั่นต่างๆ ด้วย

กำหนดการเปิดตัวของ F55 หรือ MINI Hatch 5 ประตูนี้ คาดว่าจะมีภาพอย่างเป็นทางการให้ได้เห็นในช่วงเดือนหน้า (มิถุนายน 2014) และจะเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม พร้อมวางจำหน่ายทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้

F57 : 2015 MINI Convertible

F57_1

MINI Convertible เจเนอเรชั่นที่สาม ในรหัส F57 นี้ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แฟนๆ MINI รอคอยกันอย่างล้นหลามทั่วโลก โดยยังคงมีพื้นฐานที่เดากันได้อย่างแม่นยำอยู่แล้ว ก็คือเป็น F56 ที่สามารถเปิดประทุนได้ มีพื้นฐานของตัวรถ เครื่องยนต์ และมิติของตัวรถเท่ากับ F56 ทุกประการ ต่างกันในส่วนของหลังคาเท่านั้น ที่ยังคงใช้หลังคาแคนวาส พร้อมระบบยกหลังคาด้วยไฟฟ้า 100% เช่นเดียวกับ MINI Convertible ในสองเจเนอเรชั่นที่ผ่านมา

กำหนดการเปิดตัว F57 Convertible นี้ ถูกวางไว้ในช่วงปลายปีนี้ โดยยังไม่สามารถระบุเดือนที่แน่นอนได้ และคาดว่าจะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับ F56 JCW ในช่วงต้นปี 2015

F54 : 2016 MINI Clubman

F54

รุ่นที่น่าสนใจที่สุดของไลน์อัปนี้ น่าจะตกอยู่ที่เจ้า F54 MINI Clubman ครับ ซึ่งจะเป็นรุ่นที่มีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับ R55 MINI Clubman ปัจจุบัน รวมถึงเมื่อเทียบกับ MINI ในเจเนอเรชั่นที่สามด้วยกันอีกด้วย เพราะ F54 MINI Clubman จะมีความกว้างของตัวรถที่มากขึ้นกว่า F56 ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมของตัวรถเปลี่ยนไป ตามที่เราจะสังเกตได้จากรูปที่ทั้งสามโมเดลจอดเทียบกันนี้ ว่ากระจังหน้าของ MINI Clubman มีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้าชิ้นล่างของตัวรถ

บริเวณท้ายรถ หากอ้างอิงตามการออกแบบของ MINI Clubman Concept ที่ได้ทำการเปิดตัวไปในงาน Geneva International Motor Show ที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้ที่ MINI จะเลือกใช้โลโก้ MINI ขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางฝากระโปรงท้าย และโลโก้จะแยกออกจากกันเมื่อมีการเปิดฝาท้ายแบบตู้กับข้าว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามว่า MINI จะออกแบบการเปิดฝากระโปรงท้ายในรุ่นนี้อย่างไร

F54_detail

MINI Clubman ใหม่ นอกจากที่จะมีความกว้างที่มากขึ้นแล้ว มันจะยังเป็น Clubman ที่มีความยาวมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมากอีกด้วย ที่มีการขยายมาใช้ 4 ประตูเต็มรูปแบบ เพื่อความเอนกประสงค์มากขึ้น

ในส่วนของเครื่องยนต์ เป็นที่น่าสนใจเช่นกันว่า MINI อาจทำการเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่เพิ่มเติมกับรุ่น Clubman นี้ในรูปแบบของ Plug-in Hybrid ที่จะกลายเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกภายใต้แบรนด์ MINI

MINI Clubman ใหม่มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงต้นปี 2015 ซึ่งเป็นไปได้ว่า MINI อาจเลือกงาน Geneva Motor Show ในการเปิดตัว Clubman อีกครั้ง หรืออาจจะขยับมาเปิดตัวที่ New York Motor Show ก็เป็นได้ และมีกำหนดวางขายในช่วงเดือนกรกฎาคม 2015

คาดการณ์รถ MINI เปิดตัวและวันวางจำหน่าย ปี 2015-2016

$
0
0

สวัสดีปีใหม่แฟนๆ MINI ทุกท่านครับ ขึ้นศักราชใหม่ในปี 2015 ก็ขอเปิดด้วยบทวิเคราะห์รถ MINI รุ่นใหม่ที่จะทำการเปิดตัวในปีนี้ รวมถึงโมเดลใหม่ในอนาคตที่จะเปิดตัวตามมาในปี 2016 พร้อมกับรายละเอียด วันเปิดตัว วันวางจำหน่ายทั้งในต่างประเทศ และกำหนดคร่าวๆ ที่เราน่าจะได้เห็นแต่ละโมเดลใหม่ๆ ในประเทศไทยด้วย โดยข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 2015 ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา และการตัดสินใจของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมครับ

The new MINI John Cooper Works (F56)

JCW_F56_01

รุ่นแรกสุดในปี 2015 ที่เราจะได้เห็นตัวจริงก็คือเจ้า MINI John Cooper Works (JCW) ใหม่ ในตัวถังของ F56 ครับ ซึ่งจริงๆ ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในช่วงปลายปี 2014 แต่ยังไม่มีการเผยโฉมคันจริงให้เห็นในปีที่แล้ว พอมาถึงปีนี้ MINI เลยเลือกเอางานใหญ่อย่าง North American International Auto Show (NAIAS) 2015 ที่เมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ในช่วงกลางเดือนมกราคม เป็นสถานที่เปิดตัวและเผยโฉมเป็นครั้งแรกของ JCW F56 ตัวนี้

JCW_F56_20

สิ่งที่น่าสนใจใน JCW F56 ก็คือความแรงของมัน ที่มันจะกลายเป็น MINI ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา กับตัวเลข 231 แรงม้า บนเครื่องยนต์ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ ที่แฟนๆ MINI เฝ้าจับตารอสัมผัสว่า มันจะแรงกว่าเดิมขนาดไหน (ทั้งๆที่ Cooper S F56 ก็แรงมากอยู่แล้ว) และอีกหนึ่งประเด็นที่แฟนๆ MINI หลายคนติดตามอยู่ คือ MINI John Cooper Works ที่จะเปิดตัวบนรหัส F56 นี้ จะเปิดตัวในรุ่น 5 ประตู (F55) หรือไม่ และจะตามมาเมื่อไหร่ ประเด็นนี้ยังคงไม่มีข่าวลือหลุดออกมาให้เห็นครับ

JCW_F56_04

MINI John Cooper Works ใหม่ จะวางจำหน่ายในยุโรป และ สหรัฐอเมริกาในช่วงกลางปีนี้ และจะเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยอย่างแน่นอน (ได้รับการยืนยันจากมินิ ประเทศไทยแล้ว) แต่จะะเข้าไทยมาในช่วงเดือนไหน ด้วยราคาเท่าไหร่ ต้องรอติดตามกันอีกครั้งครับ

The new MINI Convertible (F57)

F57-5

โมเดลถัดไปที่ MINI จะเปิดตัวในปี 2015 ก็คือ MINI Convertible (F57) หรือรุ่นเปิดประทุนโฉมใหม่ เพื่อทดแทน MINI Convertible R57 ในโฉมเดิม ซึ่งรายละเอียดของ F57 จะไม่มีอะไรซับซ้อนไปมากกว่าการเป็น F56 ที่เปิดหลังคาได้ (ลักษณะเดียวกับที่ MINI ทำมากับโฉมก่อนๆ) แต่กว่าแฟนๆ MINI จะได้เห็น MINI Convertible ใหม่นี้ น่าจะหลุดไปถึงช่วงปลายปี 2015 เลยครับ

The new MINI Clubman (F54)

Postproduction: Wagnerchic*Digital Artwork www.wagnerchic.com

MINI รุ่นที่จะกลับมาสร้างความตื่นเต้นอีกครั้ง น่าจะเป็นเจ้า MINI Clubman ใหม่ครับ เพราะจะเป็นครั้งแรกที่ MINI ออกแบบ MINI Clubman ใหม่ทั้งหมดโดยไม่อ้างอิงจาก Clubman R55 โฉมเดิมเลย แต่จะมีการขยายขนาดในทุกมิติ กลายเป็นรถ 6 ประตู (ใช่ครับ 6 ประตู) คือจะเป็น MINI 4 ประตูแบบเต็มตัว บวกกับฝากระโปรงท้ายที่เปิดแบบตู้กับข้าวอีก 2 บาน มีความกว้างที่มากกว่า F56 พอสมควร และยาวกว่าเดิมค่อนข้างมาก เพิ่มความเอนกประสงค์ให้กับ Clubman อย่างเต็มที่

P90144159_highRes

MINI Clubman ใหม่ อาจจะเปิดตัวพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ที่มีพละกำลังสูงขึ้น รวมถึงยังมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการทำเครื่องยนต์แบบ plug-in hybrid ของ MINI ที่อาจจะนำมาใช้กับ Clubman ใหม่เป็นรุ่นแรกอีกด้วย ส่วนเรื่องของหน้าตาและขนาดนั้น ไม่น่าจะหนีไปจาก MINI Clubman Concept ที่ MINI ได้เปิดตัวในปีที่แล้วมากเท่าไรนัก (ในสายตาผม มันสวยมากเลยทีเดียว)

Postproduction: Wagnerchic*Digital Artwork www.wagnerchic.com

MINI Clubman F54 คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Frankfurt Auto Show เดือนกันยายน 2015

Discontinued

P90114783_highRes

การเปิดตัว MINI โมเดลใหม่ ย่อมมาพร้อมกับการที่โมเดลเก่าจะหมดอายุขัยลงครับ ซึ่งในช่วง 1-2 ปีนี้ MINI Convertible โฉมเดิมจะตกรุ่นอย่างแน่นอน (ในขณะที่ MINI Clubman เดิมนั้นหยุดผลิตไปสักพักใหญ่ๆ แล้ว) คำถามที่น่าสนใจคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับ MINI Coupe R58 และ MINI Roadster R59 ในช่วง 1-2 ปีนี้ ?

P90076665_highRes

จากข้อมูลปัจจุบัน MINI Coupe R58 และ MINI Roadster R59 คาดว่าจะสิ้นสุดการผลิตในช่วงปี 2016 แต่จะยังไม่มีรุ่นใหม่มาทดแทนจนกระทั่งปี 2017 ครับ (ซึ่งยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะพูดถึงในตอนนี้) ดังนั้น ใครยังเล็งทั้งสองโมเดลนี้อยู่ ในปี 2015 ยังถือว่าไม่ช้าเกินไปที่จะจับจองมาเป็นเจ้าของนะ

10575418_10152409092723511_308903853804786028_o

ส่วน MINI Countryman และ MINI Paceman จะยังปลอดภัยดีอยู่ครับ ยังไม่ตกรุ่น (แหม เพิ่งจะรีเฟรช ปรับโฉมกันไปไม่นานนี้เอง) และจะยังไม่มีโมเดลใหม่มาทดแทนในอีก 1-2 ปีนี้เช่นกัน โดยมีการคาดคะแนว่า MINI Countryman ใหม่จะเปิดตัวในปี 2017 โน่นเลย ซึ่งก็ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะพูดถึงในตอนนี้เช่นกัน (รออัปเดตกันอีกทีกับบทวิเคราะห์ต้นเดือนมกราคมปีหน้านะ)

Special Edition

ในช่วง 1-2 ปีนี้ MINI จะมี MINI รุ่นพิเศษ (Special Edition) ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนอย่างน้อย 2-3 ระลอกครับ โดยเฉพาะรุ่นพิเศษบนตัวถัง F56 ที่จะต้องออกมากระตุ้นตลาดอย่างแน่นอน รวมถึง MINI Countryman รุ่นพิเศษ ก็จ่อคิวจะเปิดตัวให้แฟนๆ MINI ได้เห็นเช่นกัน ซึ่งก็น่าจับตามองว่า MINI จะทำรุ่นพิเศษออกมาในรูปแบบไหนเหมือนกันนะครับ

ย้ำอีกครั้งว่า ข้อมูลทั้งหมดเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า และวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี ณ วันที่ 1 ม.ค. 2015 เท่านั้น ไม่มีการรับรองจากบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลนี้ไปบ้าง จากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ และความเคลื่อนไหวที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวันครับ

สวัสดีปีใหม่ 2015 แก่แฟนๆ MINI อีกครั้ง และขอขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ


เปิดตัว MINI Convertible มินิเปิดประทุนโฉมใหม่ (F57) อย่างเป็นทางการ

$
0
0

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว กับ MINI Convertible มินิเปิดประทุนโฉมใหม่ ภายใต้รหัสพัฒนา F57 อย่างเป็นทางการ โดยใช้พื้นฐานเทคโนโลยีจาก MINI Hatch โฉมปัจจุบัน พร้อมเปิดตัวสีใหม่ และจะเผยโฉมตัวจริงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show 2015 สัปดาห์หน้า

P90201657_lowRes_mini-cooper-s-conver

บทใหม่ของรถยนต์ MINI เปิดประทุนได้เริ่มขึ้นอีกครั้งครับ กับการอัปเดต MINI Convertible ในเจเนอเรชั่นที่สาม รถยนต์มินิเปิดประทุน 2 ประตู 4 ที่นั่ง ที่ยังคงรูปโฉมความออริจินัล ทรงสปอร์ต ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และความสนุกสนานในการขับขี่แบบเปิดประทุน เปิดตัวพร้อมสีตัวถังใหม่ ในชื่อสีฟ้า Caribbean Aqua สวยงามอย่างที่เห็น

P90201600_lowRes_mini-cooper-converti

P90201619_lowRes_mini-cooper-converti

P90201544_lowRes_mini-cooper-converti

ภายนอกของรถยนต์ MINI Convertible ใหม่ มีความใกล้เคียงกับ MINI Hatch โฉมปัจจุบันเป็นอย่างมากครับ ทั้งรูปทรงและขนาดของตัวรถ โดยหั่นหลังคาแข็ง ทำเป็นหลังคาผ้า soft top และใช้เทคโนโลยีการเปิดหลังคาแบบใหม่ ใช้ไฟฟ้าในการเปิดหลังคาเต็มระบบ ที่มีความเงียบอย่างมากเป็นครั้งแรก โดยใช้เวลาในการเปิดหรือปิดอยู่ที่ 18 วินาที ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

P90201659_lowRes_mini-cooper-s-conver

นอกจากนี้ ยังมีออปชั่นลายผ้าหลังคาในโปรแกรม MINI Yours ที่เป็นลายธงชาติอังกฤษ Union Jack ที่เห็นแล้ว สาวกมินิต้องมีหวั่นไหวกันแน่นอน

P90201661_lowRes_mini-cooper-s-conver

มิติของตัวรถ MINI Convertible ใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับ R57 หรือเจเนอเรชั่นก่อนหน้า ก็มีการขยายขนาดขึ้น ตามมิติสัดส่วนของ MINI ในเจเนอเรชั่นใหม่ครับ ซึ่งจะได้เปรียบมากขึ้นในเรื่องของพื้นที่ภายในห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระ ที่มีพื้นที่ให้เก็บมากขึ้นถึงกว่า 25% รวมเป็น 215 ลิตรเมื่อปิดหลังคา และ 160 ลิตรเมื่อเปิดหลังคา

P90201652_lowRes_the-new-mini-convert

ในช่วงเปิดตัวนี้ MINI Convertible จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 โมเดลครับ คือ MINI Cooper Convertible, MINI Cooper D Convertible และ MINI Cooper S Convertible ที่อ้างอิงสเปคเครื่องยนต์ตามโฉมของ MINI Hatch แทบทุกประการ

P90201608_lowRes_mini-cooper-converti

P90201655_lowRes_the-new-mini-convert

MINI Cooper S Convertible: 4-cylinder petrol engine with MINI TwinPower Turbo Technology (turbo charging, direct injection, fully variable valve control, variable camshaft control),
capacity: 1998 cc, output: 141 kW/192 hp at 5 000 – 6 000 rpm, max. torque: 280 Nm at 1 250 – 4 000 rpm (300 Nm with overboost),
acceleration (0–100 km/h): 7.2 seconds (automatic: 7.1 seconds),
top speed: 230 km/h (228 km/h),
average fuel consumption*: 6.1 – 6.0 litres (5.8 – 5.6 litres)/100 kilometres,
CO2 emissions*: 142 – 139 g/km (134 – 131 g/km), exhaust emission standard: EU6.

MINI Cooper Convertible:
3-cylinder petrol engine with MINI TwinPower Turbo Technology (turbo charging, direct injection, fully variable valve control, variable camshaft control),
capacity: 1 499 cc, output: 100 kW/136 hp at 4 400 rpm,
torque: 220 Nm at 1 250 rpm (230 Nm with overboost),
acceleration (0–100 km/h): 8.8 seconds (automatic: 8.7 seconds),
top speed: 208 km/h (206 km/h), average fuel consumption*: 5.1 – 4.9 litres (5.3 – 5.1 litres)/100 kilometres, CO2 emissions*: 118 – 114 g/km (123 – 119 g/km), exhaust emission standard: EU6.

MINI Cooper D Convertible: 3-cylinder diesel engine with MINI TwinPower Turbo Technology (turbocharger with variable turbine geometry, common rail direct injection),
capacity: 1 496 cc, output: 85 kW/116 hp at 4 000 rpm,
max. torque: 270 Nm at 1 750 – 2 250 rpm (300 Nm with overboost),
acceleration (0–100 km/h): 9.9 seconds (automatic: 9.9 seconds),
top speed: 195 km/h (195 km/h), average fuel consumption*: 4.0 – 3.8 litres (4.1 – 3.9 litres)/100 kilometres, CO2 emissions*: 105 – 100 g/km (109 – 104 g/km), exhaust emission standard: EU6.

* EU test cycle figures, fuel consumption dependent on the selected tyre format.

P90201589_lowRes_mini-cooper-converti
MINI Convertible ใหม่จะเผยโฉมตัวจริงอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show 2015 สัปดาห์หน้า และคาดว่าจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในปี 2016 โดยต้องรอประกาศวันและราคาอย่างเป็นทางการจากทางมินิ ประเทศไทยอีกครั้งนะครับ

MINI Timeline

$
0
0

MINI_NotNormal_WP_Grandfather_1960x1200

Date MINI Event
26 Aug 1959 -กำเนิด Mini
Started 1959
1994 -BMW Group ซื้อกิจการ Rover Group และเริ่มโปรเจค 'E50' เพื่อทดแทนมินิคลาสสิค
17 Oct 1995 -ทีมออกแบบของ BMW และ Rover นำเสนอดีไซน์สำหรับรถ MINI ที่จะมาแทนมินิคลาสสิค
22 May 1996 -BMW ส่งต่อความรับผิดชอบของโปรเจค E50 ไปยัง Rover Group จึงได้เปลี่ยนรหัสโปรเจคเป็น R50
Sep 1997 -MINI ต้นแบบ ถูกโชว์เป็นครั้งแรกที่งาน Frankfurt Motor Show พร้อมด้วยรถคอนเซปต์ ACV30 (Anniversary Concept Vehicle)
Aug 1998 -รถต้นแบบ MINI Cooper ส่งถึงมือ John Cooper เพื่อร่วมพัฒนา
Jun 1999 -BMW ดึงเอาโปรเจค MINI มาอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ประเทศเยอรมัน
15 Mar 2000 -BMW Group ขายกิจการ Rover Group โดยยึดชื่อ MINI เอาไว้เป็นของตัวเอง
9 May 2000 -BMW เริ่มฐานการผลิต MINI ที่โรงงาน Oxford
28 Sep 2000 -แบรนด์ MINI ของ BMW เปิดเผยในโลกออนไลน์ครั้งแรกที่ www.MINI.com
30-Sep-2000 -MINI เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการที่งาน Mondial de l'Automobile International Auto Show กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
4 Oct 2000 -รถมินิคลาสสิคคันสุดท้ายถูกผลิตเสร็จสิ้น ถือเป็นการปิดไลน์การผลิตรถมินิคลาสสิคอย่างเป็นทางการ
Jan 2001 -MINI เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ในงาน Detroit Motor Show
27 Feb 2001 -MINI One เปิดตัวในงาน Geneva International Motor Show
7 Jul 2001 -MINI เริ่มขายอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลก เริ่มจากประเทศอังกฤษ ถือเป็นกำเนิด MINI
11 Jul 2001 -โรงงาน MINI ที่ Oxford เปิดให้เข้าชมได้เป็นครั้งแรก
Oct 2001 -MINI Cooper S เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show
Nov 2001 -เปิดตัวชุดอัพเกรด John Cooper Works Tuning Kit สำหรับ MINI Cooper (เพิ่มแรงม้าจาก 115 เป็น 132)
2 Mar 2002 -MINI วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นและออสเตรเลีย
22 Mar 2002 -MINI วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา
30 May 2002 -MINI ฉลองผลิตครบ 100,000 คัน (MINI Cooper S สี Electric Blue)
MINI-Milestone-sm
16 Dec 2002 -MINI ฉลองผลิตครบ 200,000 คัน (MINI Cooper สี Chilli Red – บริจาคให้การกุศลของโรงพยาบาลเด็ก Oxford)
4 Mar 2003 -MINI One D (เครื่องยนต์ดีเซล) เปิดตัวเป็นครั้งแรก
4 Feb 2004 -เปิดตัว MINI Cooper Monte Carlo Rally Commemorative Edition (MC40) ฉลองเป็นแชมป์แรลลี่ Monte Carlo ครบ 40 ปี ที่งาน Chicago Auto Show ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 คัน
mc40
2 Mar 2004 -เปิดตัว R52 MINI Convertible ที่งาน International Motor Show กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
i116225
1 Jul 2004 -Facelift สำหรับ 1st Gen MINI (R50/R52/R53)
7 Oct 2004 -MINI ฉลองผลิตครบ 500,000 คัน
500000thmini
15 Apr 2005 -MG Rover (อดีตบริษัทเจ้าของแบรนด์มินิ) ล้มละลาย
​Jun 2005 -เปิดตัว MINI One Seven, MINI Cooper Park Lane และ MINI Cooper S Checkmate
Screen Shot 2013-07-30 at 23.16.10
Oct 2005 -MINI ฉลองผลิตครบ 700,000 คัน
28 Oct 2005 -งาน MINI United ครั้งแรก จัดที่ Misano ประเทศอิตาลี มีแฟนมินิเข้ารวมมากกว่า 6,000 คัน และเป็นงานเปิดตัว MINI Cooper S with John Cooper Works GP Kit Limited Edition
7 Jul 2006 -ครบรอบ 5 ปี MINI
27 Jul 2006 -MINI เปิดตัวภาพ 2nd Gen MINI R56 อย่างเป็นทางการ
28 Sep 2006 -MINI R56 เผยโฉมตัวจริงครั้งแรก ที่งาน Paris Auto Show
11 Dec 2006 -MINI เข้าซื้อกิจการ John Cooper Works
6 Jan 2007 -เปิดตัว R56 ในสหรัฐอเมริกา และเปิดตัว R52 MINI Convertible Sidewalk Special Edition
4 Apr 2007 -MINI ฉลองผลิตครบ 1,000,000 คัน (R56 สี Pepper White หลังคาสีเขียว พร้อมโลโก้ 1,000,000th)
one-millionth-mini_59
Jun-2007 -เปิดตัวโชว์รูม Millennium Auto เอกมัย ซึ่งถือว่าเป็นโชว์รูมมินิที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วันเปิดตัว
22-27 Jun-2007 -MINI United 2007 จัดที่ Zandvoort ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีแฟนมินิมากกว่า 8,000 คน และรถ MINI มากกว่า 3,000 คันเข้าร่วม
10 Nov 2007 -เปิดตัว R55 MINI Clubman
22 Jan 2008 -เปิดตัวโลโก้ใหม่ John Cooper Works (JCW)
jcw logo
6 Mar 2008 -เปิดตัว MINI JCW R56 และ JCW R55
7 Aug 2008 -R52 MINI Convertible คันสุดท้ายถูกผลิตเสร็จสิ้น
19 Nov 2008 -เปิดตัว MINI E ที่งาน LA Auto Show
9 Jan 2009 -เปิดตัว R57 MINI Convertible ที่งาน NAIAS
22-24 May 2009 -MINI United 2009 จัดที่ Silverstone ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดตัว MINI John Cooper Works World Championship 50 Limited Edition และ MINI Camden, MINI Mayfair ฉลองครบรอบ 50 ปีมินิ
6 Jul 2009 -MINI ฉลองผลิตครบ 1,500,000 คัน (MINI Cooper S Clubman สี Chilli Red)
SNN0710A-682_840387a
26 Aug 2009 -MINI ฉลองครบรอบ 50 ปีแบรนด์มินิ เปิดตัว MINI Coupe Concept (ต้นแบบของ R58 และ R59)
17 Sep 2009 -MINI Coupe Concept เผยโฉมที่งาน Frankfurt Motor Show
16 Jan 2010 -MINI เปิดตัว MINI Beachcomber Concept ที่งาน NAIAS
20 Jan 2010 -เปิดตัว R60 MINI Countryman ที่งาน Geneva Motor Show 2010
mini_countryman_resize
18 Sep 2010 -MINI ปรับปรุง LCI 2011
23 Sep 2010 -เปิดตัว MINI Scooter E Concept
P90066547
31 Aug 2011 -MINI ฉลองผลิตครบ 2,000,000 คัน (MINI Cooper Convertible)
2-millionth-mini
1 Oct 2011 -เปิดตัว R58 MINI Coupe
P900766651-640x426
30 Oct 2011 -เปิดตัว R59 MINI Roadster
201110_P90085874-zoom-orig
11-13 May 2012 -MINI United 2012 ที่ Circuit Paul Ricard, Le Castellet ประเทศฝรั่งเศส
125305-1
13 Sep 2012 -เปิดตัว R61 MINI Paceman
IMG_0174
27 Mar 2013 -ฉลองครบรอบ 100 ปี โรงงาน Oxford
Mini-Oxford-plant-is-celebrating-100-years
17 Jun 2013 -ฉลองครบรอบ 10 ปี MINI เครื่องยนต์ดีเซล
25 Jul 2013 -เปิดตัว MINI Vision Concept
201307-P90128972-zoom-orig
8 Aug 2013 -MINI Countryman ขยายการผลิตมายังประเทศไทย ที่โรงงาน BMW Manufacturing นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง
MINI OPEN HOUSE (6)
18 Nov 2013 -เปิดตัว 3rd Generation MINI Hatchback (F56)
P90139380_highRes
28 Nov 2013 -R56 คันสุดท้ายผลิตออกจากโรงงาน MINI Plant Oxford
Final R56
17 Feb 2014 -MINI เปิดสายการผลิตที่โรงงาน VDL Nedcar ประเทศเนเธอร์แลนด์
P90143576
26 Feb 2014 -เปิดตัว MINI Clubman Concept
Postproduction: Wagnerchic*Digital Artwork www.wagnerchic.com
16 Apr 2014 -เปิดตัว 2015 MINI Countryman รุ่นปรับโฉมใหม่ อย่างเป็นทางการ
P90146717_highRes
20 Apr 2014 -เปิดตัว MINI Paceman รุ่นปรับโฉมใหม่ อย่างเป็นทางการ
P90146765
2 May 2014 -MINI เปิดตัว MINI BAR แห่งแรกของโลก ที่บูดาเปสต์
P90147012_highRes
24 May 2014 -MINI เปิดตัวรถยนต์คอนเซปต์ MINI Superleggera™ Vision
P90151084_highRes
3 Jun 2014 -เปิดโชว์รูม เยอรมัน ออโต้ บางนา ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์มินิอย่างเป็นทางการรายที่ 3 ของไทย
German Auto Bangna (1)
5 Jun 2014 -เปิดตัว MINI Hatch 5 ประตู (F55) อย่างเป็นทางการ
P90152335-highRes
9 Sep 2014 -MINI ฉลองผลิตครบ 3,000,000 คัน (MINI 5-door)
P90162392
24 Jun 2015 -เปิดตัว MINI Clubman (F54)
23 Oct 2015 -เปิดตัว MINI Convertible (F57)

พาชม Tokyo Motor Show 2015 เปิดตัว MINI Convertible มินิเปิดประทุนโฉมใหม่ครั้งแรกของโลก

$
0
0

สวัสดีจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นครับ วันนี้ผมพาแฟนๆ มินิทุกท่านมาอยู่ที่งาน Tokyo Motor Show 2015 งานแสดงยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่นที่จัดขึ้นทุกๆ 2 ปี และปีนี้มีไฮไลต์เด็ดของ MINI ที่ตัดสินใช้งานนี้เป็นสถานที่เปิดตัวครั้งแรกของ MINI Convertible หรือมินิเปิดประทุนโฉมใหม่ ในรหัสพัฒนา F57 ด้วย

Tokyo Motor Show 2015 จัดขึ้นที่ Tokyo Big Sight ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติแห่งใหญ่ บริเวณอ่าวโตเกียว ที่ปีนี้ยึคครองงานยาวนาน 12 วัน (รวมรอบสื่อมวลชนแล้ว) มีค่ายรถยนต์ทั่วโลกมาจัดแสดงอย่างคึกคัก โดยมีพระเอกเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นหลากหลายค่ายที่เป็นเจ้าถิ่นเช่นเดิมครับ ที่ต้องจัดเต็มกันมากเพราะ Tokyo Motor Show ไม่ได้จัดขึ้นทุกปี แต่ว่าต้องรอถึง 2 ปีถึงจะจัดครั้งนึงนั่นเอง

IMG_1006

MINI เลือกเอางาน Tokyo Motor Show ปีนี้ สร้างเซอร์ไพร์สในการเปิดตัว MINI Convertible โฉมใหม่ ที่หลายคนคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้า แต่กลับประกาศก่อนเริ่มงาน Tokyo Motor Show เพียงไม่กี่วัน ว่าจะมีการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลก (World Premiere) ในงานโตเกียวครั้งนี้นี่เอง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปชมกันครับ

IMG_1009

IMG_1010

บูธ MINI ถูกจัดให้ Convertible มินิเปิดประทุนโฉมใหม่โดดเด่นที่บริเวณด้านหน้าถึง 2 คัน โดยคันแรก เป็นรถ MINI Cooper Convertible สีใหม่ มาในชื่อสีฟ้า Caribbean Aqua จอดโชว์แบบเปิดหลังคาไว้ ให้ได้เห็นทุกดีเทลของ MINI ในเจเนอเรชั่นใหม่ เมื่อถูกหั่นหลังคาจากรุ่น Hatch หลังคาแข็ง มาเป็นเปิดประทุน Convertible จะมีมิติที่สวยงามโฉบเฉี่ยวเพียงใด

IMG_1106

IMG_1108

ต้องยอมรับว่าสีฟ้าใหม่ หรือสี Caribbean Aqua ตัวนี้สวยงามมากครับ และจะเป็นสีที่สงวนไว้เฉพาะรุ่น Convertible ให้เลือกได้เท่านั้น มินิรุ่นอื่นไม่มีสิทธิ์ได้เลือกใช้สีนี้ในตอนนี้ สีออกมาใกล้เคียงกับสีฟ้าที่ MINI ใช้ในรถยนต์คอนเซ็ปต์สุดเท่อย่าง MINI Superleggera Vision พอสมควร

IMG_1027

IMG_1025

IMG_1024

ระบบพับหลังคาของ MINI Convertible ตัวนี้ ยังคงมีวิธีการพับหลังคาแบบ MINI Convertible ในเจเนอเรชั่นก่อนหน้าครับ คือพับเอาผ้าหลังคาไปกองรวมกันไว้ด้านหลังสุดของตัวรถ ในขณะที่ชุดโครงเหล็กก็ถูกพับขนานไปกับตัวถัง โดยมีส่วนที่เบียดบังพื้นที่ของฝากระโปรงท้ายไม่มากนัก

IMG_1030

ชุดพับหลังคาของ MINI Convertible ใหม่ สามารถเปิดหรือปิดได้ในระยะเวลา 18 วินาที และสามารถเปิดปิดขณะรถวิ่งได้ด้วย แต่ต้องมีความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ

IMG_1018

ส่วน MINI Convertible อีกหนึ่งคันที่จอดโชว์ในงาน Tokyo Motor Show 2015 ครั้งนี้ คือ MINI Cooper S Convertible แต่ถูกโชว์ไว้แบบปิดหลังคา ที่ดูเผินๆ แล้ว เหมือนกับรุ่น Hatch หลังคาแข็ง (F56) เลย

IMG_1074

แต่ทีเด็ดของคันนี้ ก็คือผ้าหลังคานี่แหละครับ ที่ต้องโชว์แบบนี้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกของ MINI (และน่าจะเป็นครั้งแรกๆ ของบรรดารถยนต์เปิดประทุนทั่วโลกเลยก็ว่าได้) ที่ใช้ผ้าหลังคาแบบมีลายธงชาติอังกฤษ Union Jack พิมพ์เป็นส่วนหนึ่งของผ้าหลังคาเลย ถือเป็นชุดแต่งที่เฉียบขาดมากของ MINI Convertible ใหม่ตัวนี้

IMG_1023

มาดูใกล้ๆ ก็จะยิ่งเห็นว่า งานเนียนมากๆ ครับ และเป็นออปชั่นที่ดีงามสุดๆ ของ MINI เปิดประทุนรุ่นใหม่นี้จริงๆ

IMG_1072

ณ เวลานี้ ทาง MINI ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า MINI Convertible จะวางจำหน่ายในประเทศต่างๆ ได้ในช่วงเวลาไหนครับ แต่คาดการณ์ว่า มันจะเริ่มจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม 2016 และน่าจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหลังจากนั้นไปอีก ดังนั้น ช่วงนี้ก็ดูๆ เล็งๆ เก็บเงินรอไปก่อนได้ครับ

IMG_1076

อีกหนึ่งไฮไลต์ของ MINI ใน Tokyo Motor Show 2015 ก็คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในทวีปเอเชียของ MINI Clubman ใหม่นั่นเอง ที่ตัวนี้ผมได้ไปทดลองขับและรีวิวให้ชมกันอย่างละเอียดไปแล้ว

IMG_1034

IMG_1036

MINI Clubman ถูกจัดแสดงโดดเด่น 2 คัน กับ 2 สีใหม่ อย่างสีแดง Pure Burgundy และสีเงิน Melting Silver นั่นเอง

IMG_1039

IMG_1041

IMG_1042

MINI John Cooper Works (F56) ก็มีจัดแสดง แบบใส่ชุดแต่งเต็มๆ สุดโหดเช่นกัน ตัวนี้ถือว่าได้รับความนิยมในญี่ปุ่นมากพอสมควรเลยครับ

IMG_1048

IMG_1047

MINI Countryman ที่คุ้นเคยกันดีในบ้านเรา ในตลาดญี่ปุ่นจะใช้ชื่อรุ่นว่า MINI Crossover ครับ ถูกจัดแสดงในสีเขียว Jungle Green (น่าสังเกตว่า ไม่มี MINI Paceman มาโชว์ในงานนี้แล้ว น่าเสียดาย)

IMG_1038

ส่วนตัวหลักอย่าง MINI Hatch นั้น คันที่มาจัดแสดงก็ใส่ชุดแต่งมาเต็มที่ในโปรแกรมของ MINI Yours ในสีน้ำเงินเข้ม Lapisluxury Blue สวยงาม คลาสสิคครับ

IMG_1066

ชั้นบนของบูธ MINI มีพื้นที่สำหรับจัดแสดงฟีเจอร์ MINI Connected และมีบาร์ กับพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนสำหรับแฟนๆ มินิด้วย

IMG_1019

งาน Tokyo Motor Show 2015 จะมีถึงวันที่ 8 พ.ย. นี้ครับ แฟนๆ MINI ที่สนใจ และมีแผนไปเยือนโตเกียวเร็วๆ นี้ ก็สามารถแวะเวียนไปสัมผัส MINI Convertible ใหม่คันจริงกันได้ก่อนใครในโลกที่งานนี้งานเดียวเลยล่ะครับ และ แน่นอนว่าแฟนๆ มินิเมืองไทย อดใจรอกันอีกไม่นาน กับ MINI Clubman ใหม่ที่มีกำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเร็วๆ นี้แล้ว เรียกได้ว่า MINI ในเมืองไทยปีนี้ มีอะไรให้ตื่นเต้นกันจนถึงช่วงสิ้นปีเลยจริงๆ อย่าลืมติดตามกันอย่างใกล้ชิดนะครับ :))

10 เรื่องเด่นของ MINI ในปี 2015

$
0
0

โบกมือลาปี 2015 กับเหตุการณ์มากมายที่น่าจดจำของแบรนด์ MINI ครับ ซึ่งถือว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนครั้งใหญ่กับแบรนด์กันตลอดทั้งปีเลย วันนี้ก่อนที่เราจะก้าวไปสู่ปี 2016 กัน MINI-TH ได้สรุป 10 เรื่องเด่นของ MINI ในปี 2015 ให้ได้ชมกันครับ

1. คว้าแชมป์ Rally Dakar ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 4

AUTO - DAKAR 2015 FINISH

เปิดต้นปี 2015 มาด้วยข่าวดีของแฟนๆ มินิ ที่สนใจมอเตอร์สปอร์ต กับความสำเร็จอันล้นหลามของทีม MINI ALL4 Racing ที่สามารถนำรถ MINI WRC ไปคว้าแชมป์แรลลี่รายการใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Rally Dakar มาได้ เป็นการครองแชมป์ต่อเนื่องกันเป็นสมัยที่ 4 ซึ่งต้องมาลุ้นกันต่อในต้นปี 2016 ว่า MINI ALL4 Racing จะสามารถครองแชมป์ในสมัยที่ 5 ได้หรือไม่

2. MINI ปูพรม ขยายสาขาต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง

Millennium Auto Ubon Ratchathani (91)

DSC_8159

ปี 2015 นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของมินิ ประเทศไทยครับ เพราะเราได้เห็นโชว์รูมต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่งเลย นั่นคือที่อุบลราชธานี (โดยมิลเลนเนียม ออโต้), พัทยา (โดยเยอรมัน ออโต้) และ ภูเก็ต (โดยมิลเลนเนียม ออโต้) รวมถึงใน กทม. ยังมีโชว์รูม MINI เปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ ที่เยอรมัน ออโต้ แจ้งวัฒนะ และมิลเลนเนียม ออโต้ ในห้างสยามพารากอน ชั้น 2 นั่นเอง นับถึงสิ้นปี 2015 มีโชว์รูม MINI กระจายอยู่มากถึง 9 แห่งทั่วประเทศไทยแล้วนะครับ

3. ปิดตำนาน MINI Coupe และ MINI Roadster

P90086086_highRes

เป็นที่น่าเสียดายสำหรับแฟนๆ มินิ ที่มีการประกาศยุติสายการผลิตรถยนต์ MINI สองที่นั่ง ทั้งรุ่นหลังคาแข็ง MINI Coupe และรุ่นเปิดประทุนอย่าง MINI Roadster ลง เพื่อเปิดทางให้กับมินิในเจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีความต้องการของตลาดสูงกว่า

4. เผยโฉม MINI John Cooper Works อย่างเป็นทางการ

DSC01746

รุ่นใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2015 เลยก็คือ MINI JCW ตัวแรง ที่เผยโฉมกันตั้งแต่ในงาน NAIAS 2015 ในเดือนมกราคมที่ Detroit นับเป็น MINI รุ่นที่แรงที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา ด้วยโฉม Hatchback F56 ที่คุ้นเคยกันดี แต่อัดความแรงเข้าไปมากถึง 231 แรงม้า และมันถูกนำเข้ามาจัดแสดงในงาน Motor Expo 2015 ในช่วงปลายปีในบ้านเราด้วย เปิดราคา 3.45 ล้านบาท

5. แต่งตั้ง Head of MINI คนใหม่

P90147239

ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารภายใน BMW Group หลาตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งของแม่ทัพใหญ่ของ MINI ด้วย โดย Sebastian Mackensen เข้ามารับตำแหน่งนี้ทดแทน Jochen Goller, Head of MINI คนเดิมตั้งแต่ 1 มี.ค. 2015 ที่ผ่านมา

6. เปิดตัว MINI Clubman ใหม่

DSC01731

ไฮไลต์ของรถยนต์ MINI รุ่นใหม่ในปีนี้ ต้องยกให้ MINI Clubman ใหม่เป็นพระเอกเลยจริงๆ ครับ มันถูกพูดถึงอย่างหนาหูมากๆ ตั้งแต่ต้นปีกันเลย และก็ได้ฤกษ์เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน IAA Frankfurt 2015 ช่วงเดือนกันยายน และนำเข้ามาจัดแสดงในบ้านเราอย่างไวในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนครับ

IMG_2843

MINI Clubman (F54) เป็นมินิที่เอนกประสงค์มากขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น รวมถึงเป็นรถที่มีความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้นกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา และเป็นโมเดลที่มีกระแสตอบรับดีมากหลังจากเปิดตัวครับ

7. แบรนด์ MINI โฉมใหม่ เปลี่ยนโลโก้ใหม่

mini-new-logo

ในช่วงกลางปี MINI ได้ประกาศครั้งใหญ่ในการปรับเปลี่ยนโลโก้แบรนด์ของตัวเอง ให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น ปรับโลโก้เป็น 2 มิติ เปลี่ยนธีมสีจากพื้นสีดำ เป็นพื้นสีขาว รวมถึงปรับเปลี่ยนฟอนต์ และการสื่อสารของแบรนด์ใหม่ยกชุด ชนิดที่แฟนมินิเองเห็นแล้ว ยังต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ๆ กว่าที่จะเริ่มคุ้นเคยกับมัน

DSC00413

การปรับโฉมแบรนด์ MINI ครั้งนี้ เริ่มต้นไปพร้อมกับการเปิดตัว MINI Clubman ใหม่ ที่ส่งภาพลักษณ์การเติบโตขึ้นของแบรนด์ MINI อย่างเห็นได้ชัด การสื่อสารของแบรนด์โดยภาพรวม จึงมีลักษณะคล้ายกับวัยรุ่นที่เติบโตขึ้นตามวัยของมันนั่นเองครับ

8. MINI 360 Virtual Reality

fb_share

ครั้งแรกของแบรนด์ MINI เช่นกัน ที่มีการจับเอาเทคโนโลยี Virtual Reality มาใช้ในการสื่อสาร ซึ่ง MINI เริ่มแคมเปญนี้กับฟีเจอร์ MINI Connected ระบบการเชื่อมต่อและหน้าจอความบันเทิงภายในรถยนต์ เอาไปบวกกับเทคโนโลยี Virtual Reality ที่เลือกใช้ Google Cardboard แว่นตาลังกระดาษที่ให้ประสบการณ์โลกเสมือนจริง ผ่านภาพยนตร์สั้นจำนวน 2 เรื่องที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำพิเศษแบบ 360 องศา

9. MINI National Test Drive Event

MINI National Test Drive_02

งานเทสต์ไดรฟ์ครั้งใหญ่ของมินิ ประเทศไทย ที่มีการจัดในรูปแบบ “ออนทัวร์ทั่วประเทศ” 5 จังหวัดสำคัญ ที่มีโชว์รูมและศูนย์บริการของมินิกระจายตัวอยู่ นั่นคือที่อุบลราชธานี ขอนแก่น พัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพมหานคร กินระยะเวลาร่วม 2 เดือน ที่ทีมงานมินิ ประเทศไทย และทีมผู้ฝึกสอน ได้นำรถยนต์ MINI รุ่นใหม่ไปให้แฟนๆ มินิได้มีโอกาสทดลองขับ พร้อมประสบการณ์การขับด้วยเทคนิคพิเศษที่หาจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ ไม่ได้

10. เผยโฉม MINI Convertible ใหม่เป็นครั้งแรก

IMG_1108

ปลายปี 2015 ที่หลายคนคิดว่า MINI ไม่น่าจะมีอะไรออกใหม่แล้ว ก็ถูกปิดท้ายด้วยเซอร์ไพร์ส เปิดตัวมินิเปิดประทุนโฉมใหม่ ในรหัส F57 ซึ่งเป็น MINI Convertible ในเจเนอเรชั่นล่าสุด ปรากฏตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show 2015 โดยจะมีกำหนดวางจำหน่ายทั่วโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2016 นี้เลยครับ

——————–

นั่นคือทั้ง 10 เรื่องเด่นของ MINI ในปี 2015 นี้ครับ และนี่เป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่สามของเว็บไซต์ MINI-TH แห่งนี้ด้วย ผมต้องถือโอกาสนี้ขอบพระคุณแฟนๆ มินิที่ติดตามกันมาตลอด และ ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำข่าวสาร รีวิว และข้อมูลรถยนต์ MINI ที่เป็นประโยชน์กับแฟนๆ มินิชาวไทยมาฝากกันอย่างสม่ำเสมอ รวดเร็ว ฉับไว ตามแบบฉบับของเราต่อไปครับ

สวัสดีปีใหม่นะครับ :))

คาดการณ์รถ MINI เปิดตัวและวันวางจำหน่าย ปี 2016-2017

$
0
0

สวัสดีปีใหม่แด่แฟนๆ MINI ทุกท่านนะครับ เริ่มต้นปีใหม่ในปี 2016 ก็เช่นเคย เป็นประจำทุกปีที่เราจะเปิดด้วยบทวิเคราะห์ และคาดการณ์รถยนต์ MINI รุ่นใหม่ที่จะทำการเปิดตัวในปีนี้ และยาวไปจนถึงรุ่นที่จะตามมาในปีหน้าด้วย พร้อมรายละเอียดของวันเปิดตัว วันวางจำหน่าย และกำหนดคร่าวๆ ที่เราจะได้เห็นรถ MINI รุ่นใหม่ในประเทศไทยด้วยครับ ทั้งหมดนี้จะเป็นข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 2016 ซึ่งแน่นอนว่า สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และเปลี่ยนแปลงได้ตามการตัดสินใจของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปตามกลไกตลาด ณ วันเปิดตัวรุ่นนั้นๆ นะครับ

The new MINI Convertible (F57)

P90201657_lowRes_mini-cooper-s-conver

รุ่นนี้สืบเนื่องจากปลายปีที่แล้ว ในเดือน ต.ค. 2015 ที่ MINI ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Tokyo Motor Show 2015 ที่ผมเองก็บินไปเก็บภาพและสัมผัสตัวจริงมาฝากกันไปแล้วครั้งหนึ่ง เริ่มต้นปี 2016 นี้ ก็แน่นอนว่าเราจะได้เห็นเจ้ามินิเปิดประทุนในโฉม F57 ในประเทศไทยกันก่อนเลยครับ ซึ่งมันจะมาเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย ในงาน Bangkok International Motor Show 2016 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้นั่นเอง

The ‘ALL4’ MINI Clubman
MINI John Cooper Works Clubman

DSC01550

MINI Clubman ที่เพิ่งเปิดตัวไปช่วงปลายปีที่แล้ว ในงาน IAA Frankfurt Motor Show 2015 และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมวางจำหน่ายในไทยกันไปแล้วในงาน Motor Expo 2015 ที่ผ่านมา เปิดมาปีนี้ก็จะเริ่มมีการส่งมอบ MINI Clubman ในไทยกันเสียที โดยจะทะยอยส่งมอบกันตามลำดับการจองตั้งแต่ในงาน Motor Expo 2015 ยาวกันไป (ได้ข่าวว่ายอดจองล้นหลาม คิวยาวไปถึงปลายปีแล้ว)

สำหรับ MINI Clubman นั้น MINI ยังเตรียมเปิดตัวเพิ่มเติมอีก 1 ก๊อกในปีนี้ โดยจะมีการเพิ่มตัวเลือกของออปชั่น ‘ALL4’ เป็นครั้งแรกของ MINI Clubman ซึ่ง ALL4 เป็นเทคโนโลยีการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะของ MINI ที่จะถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ต่อยอดจาก ALL4 รุ่นเดิมใน MINI Countryman โฉมปัจจุบัน ให้มีความเก่งกาจมากขึ้น ไม่แพ้เทคโนโลยี xDrive ของทาง BMW และ ALL4 ใหม่ที่จะเติมมาใน MINI Clubman นี้ จะเป็นการพรีวิว ALL4 ที่จะไปใส่ใน MINI Countryman เจเนอเรชั่นถัดไปอีกด้วย

DSC01715

MINI Clubman ปัจจุบัน ยังมีรุ่นท็อปสุดเป็นรุ่น Cooper S และ Cooper SD อยู่ ซึ่งแฟนๆ มินิก็น่าจะคาดเดากันได้ไม่ยากครับ ว่า MINI ยังเก็บรุ่น John Cooper Works (JCW) ตัวแรงเอาไว้เปิดตัวเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าเจ้า MINI John Cooper Works Clubman จะทำการเปิดตัวในปีนี้เช่นกัน และมันน่าจะมาพร้อมๆ กับเทคโนโลยี ALL4 ใน Clubman นี่แหละครับ

The new MINI Countryman (F60)

mini-countryman-plug-in-hybrid-spied-profile-02

นี่ล่ะครับ ที่จะเป็นไฮไลต์ของ MINI ในช่วงรอยต่อระหว่างปี 2016-2017 นี้ เพราะ MINI Countryman ถือเป็น MINI โฉมที่ขายดีมากเป็นอันดับสอง (รองจาก Hatch) ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั่วโลก และโฉมปัจจุบันก็เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งจะหมดอายุขัยลงในช่วงปลายปีนี้นั่นเอง

MINI Countryman ใหม่ (รหัส F60) คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Paris Motor Show 2016 ที่มหานครปารีสในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ครับ โดยคาดหวังการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ทั้งการออกแบบ ประโยชน์ใช้สอย ฟังก์ชั่นต่างๆ และ เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้กับ SUV ในเจเนอเรชั่นที่สองของ MINI

mini-countryman-plug-in-hybrid-spied-interior

ถึงแม้ว่า MINI Countryman ใหม่ ณ วันนี้ยังคงมีข้อมูลออกมาไม่มากนัก แต่ความคาดหวังและการเฝ้ารอของหลายๆ คน ก็มีการคาดเดากันไปอย่างกว้างขวาง ถึงแนวทางของ MINI ที่จะมีการปรับเปลี่ยนมิติของตัวรถให้มีขนาดใหญ่ขึ้น (แนวโน้มจาก Clubman ที่เพิ่งเปิดตัวกันไป) มีความเป็นไปได้ว่า MINI Countryman ใหม่ อาจใช้ฐานล้อร่วมกับ BMW X1 ที่มีขนาดใหญ่กว่า MINI Countryman โฉมปัจจุบันมากพอสมควรเลยทีเดียวครับ

2017-mini-countryman-spied-for-the-first-time_3

ปัจจุบัน MINI Countryman เป็น MINI เพียงรุ่นเดียวในไทย ที่มีการประกอบภายในประเทศไทย ที่โรงงาน BMW Manufacturing จังหวัดระยอง ซึ่งเราสามารถคาการณ์แนวโน้มจากทิศทางของการเปิดตัวรถยนต์ BMW รุ่นใหม่ในไทยได้ไม่ยาก ว่าเมื่อ MINI Countryman รุ่นใหม่ทำการเปิดตัว ก็จะมีการนำเข้ามาประกอบในประเทศไทย เพื่อทำให้มีราคาค่าตัวที่เหมาะสม และแข่งขันได้ในตลาดนั่นเอง แฟนๆ มินิ ที่เฝ้ารอ Countryman ตัวใหม่นี้อยู่ ต้องใจเย็นกันหน่อย เพราะคาดว่า กว่าจะได้เป็นเจ้าของกัน ก็คงไม่เร็วกว่าช่วงกลางปี 2017 แน่ๆ ครับ (ถึงวันนี้ โฉมปัจจุบันก็ยังน่าใช้อยู่นะ)

Hybrid / MINI E

ถูกพูดถึงมาหลายปีแล้วกับตัวเลือกของพลังงานไฟฟ้าที่จะใช้ในรถยนต์มินิ ตั้งแต่ MINI ได้ริเริ่มโปรเจค MINI E เมื่อหลายปีก่อน และได้ทำการทดลองวิ่งกับ MINI E ตัวถัง R56 ในหลายเมืองทั่วโลก แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่า MINI จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกมาวางจำหน่ายเมื่อไหร่กันแน่

282931.6-lg1

จนกระทั่งงานแถลงข่าวประจำปีของ BMW Group ปี 2015 Dr. Norbert Reithofer ประธาน BMW Group ได้เปิดเผยว่า จะมีการทำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ MINI อย่างแน่นอน เพียงแต่ยังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดว่าจะเริ่มทำที่รุ่นไหน เปิดตัวเมื่อไหร่ รวมถึงไม่มีข้อมูลว่ามันจะมาในรูปแบบของ plug-in hybrid หรือแบบไฟฟ้า 100% กันแน่

mini-countryman-plug-in-hybrid-spied-hybrid-sticker

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีภาพหลุดของ MINI Countryman โฉมใหม่ ขณะวิ่งทดสอบพร้อมสติ๊กเกอร์ “Hybrid Test Vehicle” ออกมาแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า MINI Countryman โฉมใหม่ อาจมาพร้อมกับตัวเลือกของรุ่น plug-in hybrid ครับ

MINI Special Edition

P90175733_highRes

ในช่วงปี 2016 นี้ คาดการณ์ว่าเราน่าจะได้เห็นรถยนต์ MINI รุ่นพิเศษ ออกมากระตุ้นตลาด Hatch ในตัวถัง F56 (3 ประตู) และ F55 (5 ประตู) ค่อนข้างแน่นอนครับ เพราะจะเป็นปีที่ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นกับตัวถัง Hatch เนื่องจากออกมาครบทุกตัวเลือกเครื่องยนต์ไปแล้ว จึงน่าจะเป็นคิวของรถ MINI Special Edition ที่มักจะออกมาให้แฟนๆ มินิได้ตื่นเต้นกัน ใครที่เป็น collector ก็น่าจะรอชม MINI F56 รุ่นพิเศษกันได้ภายในปีนี้ครับ

Other MINI Models

P90151084_highRes

สำหรับ MINI โฉมอื่นๆ ที่หลายคนเฝ้ารอ เช่น ข่าวลือของ MINI Superleggera สปอร์ตเปิดประทุนรุ่นใหม่ (ที่อาจมาทดแทน MINI Roadster ที่ยุติสายการผลิตไปเมื่อปีที่แล้ว) นั้นอาจจะยังไม่มีวี่แววที่จะได้เห็นเป็นตัวเป็นตนภายใน 1-2 ปีที่จะถึงนี้ครับ เพราะถ้าโชคดีจริงๆ น่าจะมีข่าวออกมาอีกครั้งในช่วงปลายปี 2017 โน่นเลย เพราะคาดว่ามินิจะต้องมีการประกาศเปิดตัวครั้งใหญ่อีกครั้งในงาน IAA Frankfurt 2017 แน่ๆ

ส่วนความหวังของ MINI Paceman ใหม่นั้น น่าจะริบหรี่ค่อนข้างมาก จากโมเดลก่อนหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เราจึงอาจจะยังไม่ได้เห็นการมาของ MINI Paceman ในเจเนอเรชั่นถัดไปกันอีกแล้ว น่าเสียดายเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับ

————————

ย้ำอีกครั้ง ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์และวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี ณ วันที่ 1 ม.ค. 2016 เท่านั้น ข้อเท็จจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลนี้ไปบ้าง จากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ซึ่ง MINI-TH ของเราจะนำเสนอความเคลื่อนไหวของ MINI อย่างต่อเนื่องครับ

สวัสดีปีใหม่แฟนๆ MINI อีกครั้ง ขอให้ขับรถอย่างสนุกและปลอดภัยนะครับ

เปิดตัว MINI John Cooper Works Convertible อย่างเป็นทางการ

$
0
0

เปิดปี 2016 มาได้เพียงครึ่งเดือน MINI ก็ปล่อยของทันทีครับ ด้วย MINI John Cooper Works Convertible เปิดประทุนตัวแรง ที่เร่งรีบออกมาให้ยลโฉมกันตั้งแต่ MINI Convertible ใหม่ยังไม่ได้เริ่มวางขายกันเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่า MINI จะไม่ได้เข้าร่วมจัดแสดงในงานมอเตอร์โชว์ใหญ่ของอเมริกาอย่างงาน North American International Auto Show (NAIAS) 2016 ที่นครดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา (ปล่อยให้ BMW ยึดครองพื้นที่บูธทั้งหมด และเปิดตัว BMW M2 กับ BMW X4 M40i อย่างเฉิดฉาย) แต่วันนี้ MINI ก็ได้ปล่อยของ โดยการเปิดตัว MINI Convertible เพิ่มเติมอีก 1 โมเดลย่อย และเป็นโมเดลที่หลายคนจับตารอคอยอย่างใกล้ชิด นั่นก็คือเจ้า MINI John Cooper Works Convertible นั่นเอง

ก่อนหน้านี้ MINI ได้เผยโฉม MINI Convertible ใหม่อย่างเป็นทางการไปในงาน Tokyo Motor Show 2015 ช่วงเดือนตุลาคม 2015 ที่ผ่านมาครับ แต่ในงานครั้งนั้น เป็นการเปิดตัวเฉพาะโมเดลพื้นฐานอย่าง Cooper และ Cooper S ไปก่อน แต่ยังไม่ทันที่ MINI Convertible ใหม่จะได้ทำตลาดในประเทศไหนเลย ก็มาเปิดตัว JCW เพิ่มเติมอีก 1 รุ่นในวันนี้

P90206783_highRes

P90206794_highRes

MINI JCW Convertible เปิดตัวมาพร้อมกับสีเขียว Rebel Green ที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI JCW ในเจเนอเรชั่นล่าสุด (สีเดียวกับ MINI JCW F56) และไม่มีสีนี้ให้เลือกในรุ่นอื่นๆ กับชุดบอดี้คิตของ JCW ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาจาก JCW F56 กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

P90206780_highRes

ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็เหมือนจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจาก MINI JCW F56 ที่ถูกหั่นหลังคาออกมาเป็นรุ่นเปิดประทุนในโฉม F57 และยังคงได้รับออปชั่นของหลังคาผ้า ที่มีลวดลาย Union Jack อย่างสวยงาม โดย MINI Convertible ใหม่นี้ มีการปรับปรุงให้สามารถทำงานได้เงียบกว่าเจเนอเรชั่นก่อนหน้าอย่างมากครับ

P90206792_highRes

ภายใน มีความใกล้เคียงกับ MINI JCW F56 อย่างมาก ทั้งคอนโซลสีดำ/แดง เบาะสปอร์ต Recaro ทั้งคู่หน้าและเบาะหลัง สีเทาดำตัดแดงอย่างสวยงาม

P90206789_highRes

ทางด้านพละกำลังของเครื่องยนต์นั้น MINI ยังคงใช้เครื่องยนต์ JCW ในสเปค 2.0 ลิตร 4 สูบ ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดที่ 231 แรงม้า (เท่ากับ JCW รุ่น hatch) แรงบิดสูงสุด 320 Nm ความเร็วสูงสุดเคลมตัวเลขอยู่ที่ 240 km/h และมีตัวเลือกของทั้งรุ่นเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 6 สปีด และ เกียร์ธรรมดา 6 สปีดครับ

P90206786_highRes

คาดกันว่าภายในปีนี้เราจะได้เห็น MINI Convertible โฉมใหม่ในประเทศไทย ทั้งรุ่นพื้นฐาน และรุ่น John Cooper Works ที่เพิ่งเปิดตัวครับ

P90206791_highRes

P90206790_highRes

BMW Group ประเทศไทยแถลงข่าวประจำปี –ยืนยันเอา MINI Convertible ใหม่ เข้าไทย Motor Show เดือนหน้า

$
0
0

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยสถิติยอดขายใหม่ในปี 2558 ของทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ส่งผลให้ธุรกิจทั้งสามแบรนด์มียอดส่งมอบกว่า 10,000 คัน โดยมียอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ จำนวน 8,768 คัน เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 1,280 คัน เพิ่มขึ้น 83 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมเป็นสถิติยอดส่งมอบของทั้งสามแบรนด์ที่ 10,048 คัน ในปี 2558 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และนับเป็นการสร้างสถิติแห่งความสำเร็จของแต่ละแบรนด์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด

DSC03944

มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ปี 2558 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ด้วยการสร้างสถิติใหม่เฉลิมฉลองความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจที่จะครบรอบ 100 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก ในเดือนมีนาคม 2559 ที่จะถึงนี้ ด้วยยอดขายสูงสุดทั่วโลกมากกว่า 2.2 ล้านคัน รวมรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิและโรลส์-รอยซ์ ที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้าทั้งสิ้น 2,247,485 คัน นับเป็นยอดขายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของกรุ๊ป ส่งผลให้มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วที่ 6.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมของโลกได้ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 11”

IMG_4847

“ปี 2558 นับเป็นอีกปีแห่งประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ด้วยยอดขายที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยมียอดขายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 7,751 คัน เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมินิที่มียอดจำหน่ายผ่านสี่หลักเป็นครั้งแรกด้วยจำนวน 1,017 คัน เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงความต้องการในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรุ่นต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขายรวมทั้งสิ้น 1,280 คัน เพิ่มขึ้นถึง 83 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ซึ่งคิดเป็น 4 เท่าของอัตราการเติบโตของตลาดบิ๊กไบค์โดยประมาณทั้งหมด”

IMG_4848

“การเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยู ในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์รุ่นต่างๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของเราในครั้งนี้เป็นผลจากยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดยบีเอ็มดับเบิลยูได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 3 ครั้ง รวมครั้งล่าสุดในปี 2015 นี้ด้วย คุณค่าแห่งแบรนด์ดังกล่าวยังเป็นที่ประจักษ์แก่ลูกค้าชาวไทย ในด้านความดึงดูดใจที่มีความเฉพาะตัว เช่นเดียวกันกับความคุ้มค่าในการลงทุนทั้ง ด้านประสิทธิภาพของการประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดระยะเวลาในการครอบครอง ด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics และ BMW Service Inclusive ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าของเรา และยังสร้างความมั่นใจในสมรรถนะด้านความประหยัดพลังงานสูงสุด พร้อมมอบความสะดวกสบายและสามารถไว้วางใจได้ในการรับประกันที่ได้ขยายขอบเขตเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เพื่อเป็นของขวัญในโอกาสครบรอบ 100 ปีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลกในปี 2559 นี้

“และสำหรับมินิ ก็นับเป็นปีที่มีความสำเร็จอันโดดเด่น ด้วยการสร้างสถิติส่งมอบรถยนต์สูงสุด 1,017 คัน เติบโตขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าชาวไทย โดยมีมินิ คันทรีแมน มินิแฮทช์ ทั้งในรุ่น 3 ประตูและ 5 ประตู เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อภาพรวมความสำเร็จของแบรนด์มินิ และในปี 2559 นี้ มินิขอมอบโปรแกรมการรับประกันที่ขยายขอบเขตการคุ้มครองสำหรับรถยนต์มินิตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางเช่นกัน นอกจากนี้ มินิ ประเทศไทย ยังได้จัดแคมเปญพิเศษที่จะนำคนรักมินิผู้โชคดีบินตรงสู่ลอนดอน เยี่ยมชม MINI Plant Oxford สถานที่เกิดของรถมินิทั่วโลก และเป็นคนกลุ่มแรกที่จะได้ชมการเปิดตัวรถมินิแห่งอนาคตสุดเอ็กซ์คลูสีฟอีกด้วย”

“อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในปี 2558 ที่ผ่านมา คือ การเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ซึ่งได้มีการฉลองครบรอบ 15 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมียอดส่งมอบมอเตอร์ไซค์ที่ 1,280 คัน เติบโตขึ้น 83 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็น 4 เท่าของอัตราการเติบโตของตลาดบิ๊กไบค์โดยประมาณทั้งหมด”

“ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศไทยนี้ เป็นผลจากยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความแข็งแกร่งของการเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม และชื่อเสียงระดับโลกของบริษัทในด้านความยั่งยืน” มร.แมทธิอัส กล่าวสรุป

เดินหน้าต่อเนื่องสู่อนาคตแห่งความยั่งยืน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้พิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำในด้านยนตรกรรมแห่งความยั่งยืนของอนาคต โดยได้ขยายสถานีชาร์จ BMW i pure Wallbox ซึ่งพร้อมให้บริการชาร์จแบตเตอรี่บีเอ็มดับเบิลยู ตระกูล i ไม่คิดค่าบริการใดๆ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จากผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู i อย่างเป็นทางการเท่านั้น ซึ่งอยู่ภายในโซนจอดรถพิเศษของงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอาคารออล ซีซั่นส์ เพลส และเตรียมที่จะขยายไปยังศูนย์การค้าและโรงแรมในระดับห้าดาวเพื่อขยายการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

IMG_4858

การขยายคลังอะไหล่สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 220 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการที่รวดเร็วและครบครัน

“ในช่วงกลางปี 2559 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมย้ายคลังอะไหล่ไปยังถนนบางนา–ตราด ภายในนิคมอุตสาหกรรมเทพารักษ์ โดยจะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ครอบคลุมพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร รองรับการเก็บอะไหล่กว่า 40,000 รายการ และเพิ่มจำนวนการส่งอะไหล่ได้กว่า 2,000 ไลน์ต่อวัน ส่งเสริมให้ การบริการด้านลอจิสติคส์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการด้านบริการของลูกค้า ทั้งในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นทุกปี”

2559: บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในจังหวัดสำคัญทางภาคใต้และภาคเหนือ

IMG_4851

“ภายในปี พ.ศ. 2559 นี้ เราจะขยายศูนย์บริการครบวงจรผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายของเรา ได้แก่ ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูแห่งใหม่ 2 แห่ง มินิ 2 แห่ง ในภูเก็ตและหาดใหญ่ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 2 แห่ง ในภูเก็ตและพิษณุโลก พร้อมมุ่งนำเสนอบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงความร่วมมือกันในโปรแกรมฝึกทักษะช่างเทคนิคมืออาชีพ BMW Service Apprentice ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 5 เพื่อรักษามาตรฐานระดับสูงของการให้บริการด้านเทคนิคอีกด้วย นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังได้ขยายโครงการพัฒนาบุคลากรด้านเมคคาทรอนิกส์ที่ได้เริ่มขึ้นในปี 2558 ร่วมกับทางวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ โดยในปี 2559 นี้ จะเริ่มการพัฒนาบุคลากรร่วมกับโรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) เป็นปีแรก ด้วยจุดประสงค์ในการพัฒนาศักยภาพอาชีวศึกษาไทย รวมถึงทักษะและความสามารถของบุคลากรด้านยานยนต์ให้เทียบเท่าระดับสากล พร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ กล่าวสรุป

2559: เปิดตัวรุ่นใหม่เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่

มร.พฟาลซ์ ได้ประกาศการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู 3 รุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทย ที่พร้อมจะมานำแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 นี้

IMG_4864

“เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จในด้านเทคโนโลยีและยนตรกรรมแห่งความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู 330e ปลั๊กอินไฮบริด ต่อเนื่องจากการเริ่มเปิดตัวเทคโนโลยีในระบบนี้ ด้วยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 เมื่อปี 2557 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e ในปี 2558 นับเป็นปีที่ 3 ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้นำเสนอเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด เพื่อนำพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาสู่ถนนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง”

BMW Annual Press Conference 2016

“นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18d ใหม่ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของบีเอ็มดับเบิลยู X1 มาพร้อมเครื่องยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ดีเซล 4 สูบ รุ่นใหม่ล่าสุด 1,995 ซีซี 150 แรงม้า  ให้อัตราสิ้นเปลืองเชิ้อเพลิงเพียง 21.3 กิโลเมตร/ลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 125 กรัม/กิโลเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic Sport 8 สปีด”

IMG_4867

“สำหรับแฟนบีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม นั้น เราจะได้นำบีเอ็มดับเบิลยู M2 คูเป้ มาเปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูที่ชืนชอบการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ บีเอ็มดับเบิลยู M2 คูเป้ มาพร้อมขุมกำลัง บีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 3.0 ลิตร 370 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชม. ที่ 4.3 วินาที และมีอัตราความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชม. ควบคุมด้วยเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ตอบสนองการขับขี่แบบรถแข่งได้ในทุกจังหวะและในทุกย่านความเร็ว เพื่อแฟนพันธุ์แท้ของบีเอ็มดับเบิลยู เอ็ม โดยเฉพาะ”

IMG_4872

IMG_4875

“สำหรับ มินิ ประเทศไทย เราได้ตรียมนำ มินิ คอนเวอร์ทิเบิล รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวสู่สายตาแฟนมินิทั่วโลกในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนตุลาคม 2558 มาให้แก่แฟนมินิในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 นี้ เช่นกัน”

IMG_4877

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ย้งได้นำเสนอมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ในชุดสีใหม่ Black Storm Metallic/Racing Red และยังจัดทำชุดแต่งพิเศษสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS เพื่อร่วมเฉลิมฉลองรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากระดับโลก International GS Trophy 2016 ซึ่งจะจัดการแข่งขันที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 5 มีนาคมนี้ และเรายังเตรียมนำเสนอชุดอุปกรณ์การขับขี่คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมทั้งสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ ให้กับสาวกของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดตลอดทั้งปี บีเอ็มดับเบิลยูเชื่อมั่นว่า มอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งได้รับการพัฒนาใหม่ จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะตอบสนองความต้องการของนักขี่บิ๊กไบค์ชาวไทยอย่างแน่นอน” มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ เสริม

มอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของบีเอ็มดับเบิลยู ผ่านการดูแลจาก BMW Excellence Club เพื่อมอบทุกมิติแห่งสุนทรียภาพของความเป็นผู้นำ

เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษของบีเอ็มดับเบิลยู  บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้เตรียมมอบประสบการณ์ใหม่ในการให้บริการอย่างเหนือระดับ ด้วยBMW Excellence Club สำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู i8และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 พร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ เปี่ยมไปด้วยความหรูหราเหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็นบริการผู้ช่วยด้านไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล ที่ให้บริการตลอด 24 ชม. บริการรถรับ-ส่งจากสนามบินสู่ที่พักด้วยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7  บริการ Fast Track ไม่จำกัดจำนวนครั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึง 7 กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูสีฟที่ให้ลูกค้าได้เลือกสรรตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เป็นต้น

IMG_4860

ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูยังสามารถพบกับประสบการณ์การขับขี่สุดพิเศษกับรถยนต์ SAV ในตระกูลซีรี่ส์ X กับกิจกรรม BMW xDrive Xperience 2016 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11-21 กุมภาพันธ์นี้ ในสนามที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ ณ ไทย โปโล แอนด์ อีเควสเทรียน คลับ พัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อทดสอบสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อxDrive พร้อมสัมผัสกับดีไซน์อันทรงพลัง ห้องโดยสารที่โอ่อ่าหรูหรา ดีไซน์ภายในแบบอเนกประสงค์ และการขับขี่ที่เพลิดเพลินและประหยัดพลังงาน

บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส สร้างสถิติใหม่ฉลองครบรอบ 15 ปี สะท้อนการเติบโตต่อเนื่องทุกปีของลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ

ดร. ปีเตอร์-โอลิเวอร์ วากเนอร์ ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 15 ปี ของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย นั้นนับว่าประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ด้วยความมุ่งมั่นของพนักงานทุกคนและเครือข่ายผู้จำหน่ายอันแข็งแกร่ง ทำให้เราสามารถมอบผลิตภัณฑ์และการบริการด้านการเงินที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าชาวไทยมาตลอด และในปี 2558 ธุรกิจของเราสร้างสถิติเติบโตถึง 12.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าสินเชื่อในพอร์ตเติบโตขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 33.4 พันล้านบาท นับเป็นสถิติมูลค่าสินเชื่อในพอร์ตที่สูงที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างลูกค้า เครือข่ายผู้จำหน่ายและบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย”

“เนื่องในโอกาสพิเศษเช่นนี้ เราได้เปิดตัวโครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ (Care 4 Water) ในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลก ด้วยจุดมุ่งหมายของบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ในการเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทย ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ทำให้เราเล็งเห็นถึงความยากลำบากในการเข้าถึงน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคและบริโภคในหลายพื้นที่ อันเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต เราจึงได้ร่วมมือกับWaves For Water องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือด้านโซลูชั่นในการจัดการให้น้ำสะอาดจากประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ ริเริ่มโครงการ แคร์ ฟอร์ วอเตอร์ เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับระบบการกรองน้ำพร้อมมอบโซลูชั่นดังกล่าวให้แก่คนไทยในพื้นที่ขาดแคลน” ดร.วากเนอร์ กล่าวเสริม

“ภายในปี 2559 นี้ เราตั้งเป้าที่จะส่งมอบเครื่องกรองน้ำอย่างน้อย 2,000 เครื่อง เพื่อให้คนไทยกว่า 200,000 คนได้เข้าถึงน้ำสะอาด และจะเดินหน้าทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบและติดตั้งเครื่องกรองน้ำให้ได้อย่างน้อยจำนวน 5,000 เครื่อง สำหรับคนไทยกว่า 500,000 คน ภายในปี 2561” มร. วากเนอร์ กล่าวสรุป

# # #

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู โดยมีเครือข่ายการผลิต 30 แห่งใน 14 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

ในปีพ.ศ. 2558 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2.247 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 137,000 คันทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 116,324 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269


มินิ ประเทศไทย เปิดตัว MINI Convertible เปิดประทุนโฉมใหม่ ในงาน Motor Show 2016 เปิดราคา 3.05 ล้านบาท

$
0
0

มินิ ประเทศไทย ร่วมงาน Bangkok International Motor Show 2016 นำ MINI Convertible หรือมินิเปิดประทุนโฉมใหม่ ในรหัส F57 เข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดราคา 3.05 ล้านบาท

เริ่มขึ้นแล้วกับงาน Bangkok International Motor Show 2016 งานแสดงยานยนต์ครั้งใหญ่ของไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 37 ในปีนี้ ทางมินิ ประเทศไทย จัดเซอร์ไพร์ส นำรถ MINI Convertible โฉมใหม่ เข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยวางจำหน่าย 1 รุ่นเท่านั้น คือ MINI Cooper S Convertible จัดแสดงด้วยสีใหม่ คือสีฟ้า Aqua Caribbean เปิดราคาที่ 3.05 ล้านบาท กับออปชั่นจัดเต็ม

12528495_10208530351636982_734154493_o

นอกจากนี้ มินิ ประเทศไทย ยังจัดแสดงรถยนต์มินิโฉมปัจจุบันทุกรุ่น รวมถึง MINI Clubman ใหม่, MINI Hatch ทั้งรุ่น 3 ประตู และ 5 ประตู กับ MINI Countryman พร้อมแคมเปญข้อเสนอสุดพิเศษเอาใจแฟนๆ มินิ

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงาน Bangkok International Motor Show 2016 ได้ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายนนี้ ที่อิมแพ็ก เมืองทองธานีครับ

พาชมบูธมินิ ในงาน Motor Expo 2016 ยลโฉม MINI Seven Edition ครั้งแรกในอาเซียน

$
0
0

เปิดฉากแล้วครับ มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33 ส่งท้ายปลายปี 2016 หรืองาน Motor Expo ซึ่งครั้งนี้มินิประเทศไทย ก็จัดหนักเช่นเคย เปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษ MINI Seven Edition รวมถึงจัดแสดงรถยนต์ MINI ครบทุกโมเดล อัดแคมเปญแจกไอโฟน 7 และมีพื้นที่ทดลองขับให้กับลูกค้ามินิ

dsc02531

บูธ MINI ปีนี้ โดดเด่นด้วยรถยนต์รุ่นพิเศษ MINI Seven Edition ซึ่งถือเป็นการเผยโฉมครั้งแรกในอาเซียน โดยจัดแสดงรุ่น Hatch 3 ประตู (F56) ที่ด้านหน้าสุดของบูธ ตัวรถใช้สีตัวถัง Lapisluxury Blue ซึ่งเป็นสีพิเศษเฉพาะในรุ่น Seven นี้เท่านั้น โดยจะไม่มีตัวเลือกของสีอื่นให้เลือก ตัวตัดหลังคาและกระจกมองข้างสีเงิน Melting Silver และคาดฝากระโปรงหน้าด้วยสติ๊กเกอร์สีเงินขอบสีน้ำตาล Malt Brown ที่ไม่เคยมีมาก่อนในมินิรุ่นอื่นๆ

dsc02528

dsc02532

MINI Seven Edition จะมาพร้อมกับแบดจ์ “Seven” ที่บริเวณกรอบไฟเลี้ยวหรือ side scuttle รวมถึงบริเวณบันไดขอบประตูรถทั้งสองข้าง และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย MINI Yours Vanity Spoke

dsc02529

dsc02535

ภายใน ตกแต่งด้วยเบาะหนัง MINI Yours Leather Lounge สีดำ และตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ Piano Black 

dsc02534

บริเวณขอบของหน้าจอวงกลมกึ่งกลางรถ จะมีโลโก้ Seven พิมพ์อยู่ด้วย ตรงนี้เท่มากครับ

มินิ ประเทศไทย นำ MINI Seven Edition เข้ามาเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ Cooper S เท่านั้น โดยมีให้เลือกทั้งในรุ่น Hatch 3 ประตู เปิดราคา 2.89 ล้านบาท และรุ่น Hatch 5 ประตู เปิดราคา 2.93 ล้านบาท มีสี Lapisluxury Blue เพียงสีเดียวเท่านั้น และเริ่มส่งมอบรถได้ภายในเดือนธันวาคมนี้เลย

dsc02444

ถัดมา เป็น MINI John Cooper Works มินิรุ่นที่แรงที่สุดในไลน์อัพปัจจุบันของมินิ ด้วยความแรง 231 แรงม้า ตกแต่งด้วยอุปกรณ์พิเศษในชุด John Cooper Works รอบคัน สีตัวถัง Rebel Green ตัดกับหลังคาสี Chili Red อย่างสวยงาม ถูกจัดแสดงในงานนี้ด้วยเช่นกัน เปิดราคาขาย 3.45 ล้านบาท

dsc02471

มินิเปิดประทุน หรือ MINI Convertible (F57) เป็นอีกหนึ่งโมเดลเด่นของปีนี้ครับ ต้อนรับลมหนาว โดยคันที่จัดแสดงนี้ มาในสี Caribbean Aqua หลังคาแคนวาสลาย Union Jack ทางมินิ ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่ายเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ Cooper S เท่านั้น ด้วยราคา 3.05 ล้านบาท

dsc02447

ถัดเข้าไปในบูธอีกนิด จะพบกับมินิคันสีส้ม Volcanic Orange คันนี้ (ชื่อสีส้ม แต่ดูยังไงก็เป็นสีเหลืองเนอะ) ที่โชว์อุปกรณ์ตกแต่งของมินิได้อย่างน่าสนใจครับ ถูกแบ่งเป็นครึ่งซ้ายกับครึ่งขวาของตัวรถ เปรียบเทียบระหว่างมินิที่ยังไม่ได้ใส่อุปกรณ์ตกแต่ง กับมินิที่ผ่านการตกแต่งด้วยชุดแต่ง Original MINI Accessories แล้วอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์คาดฝากระโปรงหน้ารถ ไฟสปอตไลต์ ล้อ JCW ชุดเบรก JCW ฯลฯ จนเรียกว่าครึ่งหนึ่งว่าเป็น MINI กับอีกครึ่งว่า More MINI!

dsc02458

MINI Countryman (R60) รุ่นยอดนิยมก็มาจัดแสดงด้วยเช่นกันครับ และมามากถึง 3 คัน ทั้ง MINI Cooper Countryman รุ่นเริ่มต้น ด้วยราคาเพียง 1.89 ล้านบาทคันสีแดงนี้

dsc02448

ขยับขึ้นมาเป็น MINI Cooper SD Countryman ALL4 คันสีขาว ราคา 2.56 ล้านบาท

dsc02459

และรุ่นพิเศษของ MINI Countryman คือรุ่น Park Lane Special Edition ที่เราเคยนำเสนอให้ชมกันไปแล้ว ก็มาจัดแสดงด้วยเช่นกัน เปิดราคาขาย 2.59 ล้านบาท

dsc02461

ส่วนโมเดลสุดท้าย ที่อยู่ลึกสุดของบูธมินิ คือ MINI Clubman (F54) ที่มาจัดแสดงทั้งหมดสองคัน คันแรกคือ MINI Cooper D Clubman เครื่องยนต์ดีเซล สี Pure Burgundy เปิดราคา 2.688 ล้านบาท

dsc02464

อีกคันเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของบูธมินิครับ นั่นคือ MINI Cooper S Clubman ที่มาพร้อมกับสีใหม่ Digital Blue สีฟ้าอ่อนๆ ที่หลายคนชมว่าสวยลงตัว เข้ากับ MINI Clubman เป็นอย่างมาก สีนี้เพิ่งจะเปิดตัวที่ต่างประเทศไปได้ไม่นานนัก และตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสีตัวถังให้กับ MINI Clubman เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

img_1969

dsc02469

พื้นที่ภายในบูธ ยังมีพื้นที่นั่งเล่นแบบสบายๆ สไตล์ MINI ครับ โดยจะมีเครื่องดื่ม กาแฟ และขนมต่างๆ ให้บริการจากเคาน์เตอร์ MINI Bar ด้วยน้องๆ สาวสวยจากมินิ รวมถึงยังสามารถติดต่อขอทดลองขับรถยนต์ MINI รุ่นที่สนใจ และรับของที่ระลึก เป็นพวงกุญแจหนัง ที่สามารถพิมพ์ตัวย่อชื่อและโลโก้มินิได้แบบสุด exclusive เฉพาะในงานนี้เท่านั้น

dsc02455

dsc02454

อีกส่วนหนึ่งที่หลายคนสนใจ ก็คือส่วนของ MINI Shop ขายสินค้าที่ระลึกของ MINI ครับ มาครบพร้อมทั้งเสื้อ MINI ลายใหม่ๆ, รองเท้า, กระเป๋า, พวงกุญแจ, ฯลฯ ด้วยราคาพิเศษเฉพาะในงาน Motor Expo 2016 นี้เท่านั้น (ซื้อที่โชว์รูมจะแพงกว่านี้เยอะเลย)

dsc02457

จักรยานมินิ ก็มานะครับ ทั้งสองสียอดนิยม ทุกงานจักรยานนี่ขายดีมากครับ สามารถพับ ด้วยขนาดที่สามารถใส่ในฝากระโปรงท้ายรถมินิได้ด้วย

dsc02460

แฟนๆ มินิที่สนใจ อย่าลืมมาสัมผัสคันจริง สอบถามแคมเปญ โปรโมชั่นต่างๆ และเยี่ยมชมบูธมินิได้ในงาน Thailand International Motor Expo 2016 ได้ระหว่างวันที่ 1 – 12 ธันวาคม 2559 ที่ Impact Challenger เมืองทองธานีนะครับ

รีวิว MINI Cooper S Convertible (F57) มินิเปิดประทุน สุดเท่

$
0
0

สวัสดีแฟนๆ MINI-TH ครับ ส่งท้ายปลายปี 2016 ด้วยรถยนต์มินิสุดเท่อีกหนึ่งรุ่น ที่สวยสะดุดตาทุกครั้งที่ได้พบเห็น อย่าง MINI Convertible มินิเปิดประทุนเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่ตอนนี้ได้เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มจะพบเห็นได้ตามท้องถนนกันบ้างแล้ว

MINI Convertible รุ่นนี้ ถือเป็นมินิเปิดประทุนในเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้วครับ (ไม่นับรุ่นคลาสสิค) ซึ่งมินิจะทำรุ่นเปิดประทุนควบคู่กับรุ่นแฮตช์หลังคาแข็งอยู่เสมอ ตั้งแต่มินิ R52 ในเจเนอเรชั่นแรก มาถึงโฉมของ R57 และล่าสุดอย่าง F57 คันที่ผมจะรีวิวให้ชมกันวันนี้ แต่อย่าเพิ่งคิดว่ารีวิววันนี้จะยาวยืดเยื้อนะครับ เพราะมินิเปิดประทุนในทุกโฉมที่ผ่านมา จะใช้พื้นฐานของเครื่องยนต์และฟังก์ชั่นต่างๆ มาจากรุ่นแฮตช์หลังคาแข็งทั้งหมด จะมีความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่ชุดหลังคาแคนวาสที่สามารถเปิดรับลมได้ กับในส่วนของพื้นที่เก็บของที่ฝากระโปรงท้ายเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้มินิคันนี้โคตรเท่ จนหลายคนหลงใหลได้ไม่ยากแล้วล่ะครับ

ใครที่ยังไม่เคยได้อ่านรีวิวว่า MINI Cooper S เจเนอเรชั่นล่าสุดเป็นอย่างไร ผมแนะนำให้ตามไปอ่านรีวิว F56 กันก่อนครับ >> Test Drive – ทดสอบจริง รีวิว F56 MINI Cooper S และ MINI Cooper D

MINI Convertible คันที่เราจะมาดูพร้อมๆ กันวันนี้ เป็น MINI Cooper S Convertible ด้วยสเปกของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 192 แรงม้า ตัวแรง ซึ่งทางมินิ ประเทศไทย ได้นำมินิเปิดประทุนโฉมนี้ เข้ามาจำหน่ายสเปกนี้เพียงสเปกเดียวเท่านั้นครับ

ความโดดเด่นของ MINI Convertible คันนี้ คือมันมาพร้อมกับสีฟ้า Caribbean Aqua (บางคนอาจมองว่าเป็นสีเขียว ไม่ว่ากัน) กับครั้งแรกที่ MINI ได้ใช้หลังคาผ้าแคนวาสที่มีลวดลาย ซึ่งคันนี้ทอเป็นลาย Union Jack หรือธงชาติอังกฤษ แปลกตา จนถ้ามันปิดหลังคาอยู่ อาจมองไม่ออกว่ามันเป็นหลังคาผ้าเลยล่ะครับ

การเปิดปิดหลังคาของ MINI Convertible ในรุ่นนี้ มีการปรับปรุงให้เปิดปิดได้เร็วขึ้นมากครับ ลดเวลาลงเหลือเพียงแค่ 18 วินาที มีการปรับปรุงระบบยกหลังคาด้วยมอเตอร์แบบใหม่ ที่มีความเงียบกว่าเดิม และยังสามารถเปิดปิดได้ในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย

หลังจากเปิดหลังคา ซึ่งต้องใช้นิ้วกดสวิตช์เหนือศีรษะค้างไว้ จนกว่าขั้นตอนการเปิดจะสำเร็จ และกระจกทุกบานจะเลื่อนขึ้นมาจนสุด ผมค้นพบว่า ภายในตัวรถยังคงมีความเงียบพอที่จะสนทนากันได้แบบสบายๆ ไม่ต้องตะโกนคุยกัน หากอากาศไม่ดีพอ ก็ยังเปิดแอร์เพิ่มความสบายได้โดยไม่ต้องเร่งแอร์กันมากนัก

จริงๆ แล้วตอนเปิดหลังคา เราสามารถเปิดแค่ส่วนหนึ่งก็ได้นะครับ มันก็จะทำหน้าที่คล้ายกับตอนที่เราเปิดซันรูฟกับรถหลังคาแข็งเลย

หลังจากเปิดประทุนเต็มๆ แล้ว ก็จะหล่อๆ แบบนี้เลยครับ สีฟ้า Caribbean Aqua ที่เหมาะกับรถเปิดประทุนอย่างมาก ยิ่งมาอยู่ริมทะเลแบบนี้ สะกดทุกสายตาอย่างแท้จริงครับ

เบาะหนังสีน้ำตาลของ MINI Convertible ก็จะโดดเด่นมากขึ้นไปอีกเมื่อเปิดประทุน ให้สีสันของเบาะออกมาตัดกับสีสดใสๆ ของตัวถังรถ

มินิ ยังมีชุดกันลม หรือ wind deflector มาให้ด้วย ซึ่งมันจะถูกพับครึ่งและเก็บอยู่ในซองอย่างดี หากใครที่ต้องการเปิดประทุนและขับด้วยความเร็วที่สูงหน่อย จะต้องกางเจ้า wind deflector นี้ และติดตั้งอยู่เหนือที่นั่งของเบาะคู่หลังครับ อาจจะต้องใช้แรงในการติดตั้งเสียหน่อย แต่พอติดตั้งเสร็จแล้ว ก็จะช่วยลดแรงลมที่เข้ามาหมุนวนอยู่ภายในห้องโดยสารขณะเปิดประทุนและวิ่งด้วยความเร็วไปได้มากทีเดียว แถมยังทำให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นด้วย (แต่ก็ต้องเสียสละที่นั่งของเบาะคู่หลังไปนะ)

ฝากระโปรงท้าย ของ MINI Convertible ในเจเนอเรชั่นนี้ มีการปรับปรุงให้มีขนาดความจุที่สูงขึ้น โดยเมื่อปิดหลังคาสามารถใส่ของได้มากถึง 215 ลิตร (เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 25%) และเมื่อเปิดหลังคา จะเก็บได้ 160 ลิตร ซึ่งถือได้ว่า ไม่น้อยเลยนะครับ เมื่อเทียบกับว่านี่คือมินิ 4 ที่นั่ง ในรูปทรง Hatchback

แต่ความเก๋ของ MINI Convertible ในการเก็บของที่ฝากระโปรงท้าย ก็คือฝาท้ายนี่จะเปิดกางออกมาเหมือนท้ายรถกระบะ คือเปิดจากด้านบนลงมา และมินิเองก็เห็นปัญหาว่าการโหลดของขึ้นรถอาจจะไม่สะดวกเท่ากับรถ Hatchback ที่เปิดจากด้านล่างขึ้นไป จึงได้ออกแบบฟีเจอร์ที่เรียกว่า “Easy Load” มาให้ เพื่อให้การเก็บกระเป๋า หรือหยิบของออกจากฝากระโปรงท้าย MINI Convertible มีความสะดวกมากขึ้น

วิธีการทำงานของ Easy Load ก็คือ ทั้งด้านซ้ายและขวาของพื้นที่เก็บสัมภาระ จะมีขายึดที่สามารถกางออกมา และยกให้ช่องฝากระโปรงท้ายมีความกว้างขึ้นได้ โดยจะทำงานได้เฉพาะตอนที่รถยนต์ปิดหลังคาอยู่เท่านั้น ผมได้ทดลองใช้ Easy Load ตัวนี้กับกระเป๋าสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ๆ ก็พบว่ามันใช้งานได้ดีเลยครับ และก็ทำให้หลายคนตกใจ ว่ารถเล็กๆ แบบนี้ ช่องฝาท้ายเปิดได้เล็กๆ แบบนี้ แต่เก็บกระเป๋าใบใหญ่ลงไปได้ด้วย

ส่วนที่ยังขัดใจอยู่บ้าง ก็คือขายึด Easy Load นี้ยังต้องอาศัยความคุ้นเคยมากพอสมควรครับ และยังต้องออกแรงกันนิดหน่อย ในการยกส่วนบนของฝากระโปรงท้ายขึ้น และต้องดึงเอาก้าน Easy Load มาค้ำทีละข้างกันแบบ manual ไม่มีตัวล็อกและระบบไฟฟ้าใดๆ

MINI Convertible ยังมาพร้อมกับ Open Timer อยู่เช่นเดิมครับ คือมันจะคอยนับเวลาที่เราเปิดประทุน และเอามาแสดงบนหน้าจอได้ แบ่งเป็นระยะเวลาที่เราเปิดประทุนไว้ในครั้งนี้ กับเวลารวมทั้งหมดที่ได้เคยขับรถแบบเปิดประทุนมาโชว์ เพื่อกระตุ้นให้อยากขับรถแบบเปิดประทุนยิ่งขึ้น

อีกหนึ่งความเก๋คือ ถ้าเราได้เชื่อมต่อ MINI Connected XL Journey Mate เอาไว้กับตัวรถ และได้จอดรถเปิดประทุนทิ้งไว้ แอพนี้จะสามารถเตือนเราได้เมื่อฝนใกล้จะตกครับ เพื่อให้เรากลับที่ปิดหลังคารถ ก่อนที่ฝนจะเทลงมาได้ทันท่วงที ฟีเจอร์นี้เรียกว่า Rain predictor ที่จะเลือกเตือนกับรถ MINI Convertible เท่านั้น

เหตุที่ในรีวิวนี้ ผมไม่ได้พูดถึงการขับขี่มากเท่าไรนัก เพราะเจ้า MINI Cooper S Convertible คันนี้ ได้ใช้ช่วงล่าง, เครื่องยนต์, อุปกรณ์ต่างๆ ในห้องโดยสารแบบเดียวกับที่อยู่ในโฉม Hatch 3 ประตูทุกประการครับ ความสนุกสนานในการขับขี่ โกคาร์ตฟิลลิ่งยังคงจัดเต็ม และโหมด Sport ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอยู่เช่นเดิม และมินิ ประเทศไทยเอง ก็จัดออปชั่นมาให้แบบเต็มเหนี่ยวใน MINI Cooper S Convertible ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีหน้าจอ head-up display, ระบบ Cruise Control, หน้าจอ MINI Connected XL พร้อมแผนที่นำทาง, ระบบ comfort access ก็มาครบ เท่าที่ผมดู ก็จะขาดไปแค่ paddle shift บนพวงมาลัยเท่านั้นเอง

จุดด้อยที่ผมพบเจอกับการขับ MINI Convertible คันนี้ คือเมื่อใช้ความเร็วเกินกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะได้ยินเสียงจากรอยต่อระหว่างหลังคาแคนวาสกับขอบด้านบนของกระจกหน้ารถได้ชัดเจนพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อผ่านช่วงที่ถนนไม่เรียบ ก็จะยิ่งดังจนเกิดเสียงรบกวนครับ ซึ่งต้องเป็นจุดที่คนขับรถเปิดประทุนต้องเตรียมใจกันไว้ล่วงหน้าเสียหน่อย เพราะมันก็จะไม่ใช่รถสไตล์ที่จะเงียบหรู ไร้เสียงรบกวนอยู่แล้ว

ผมลืมบอกไปว่า เราสามารถสั่งเปิด/ปิดประทุน ได้จากรีโมทกุญแจรถได้ด้วยนะครับ วิธีการก็แค่กดปุ่มปลดล็อกแช่ค้างไว้ เพื่อทำการเปิดประทุน และทำการกดปุ่มล็อกแช่ค้างไว้ เพื่อทำการปิดหลังคา โดยต้องกดค้างไว้จนขั้นตอนเสร็จสิ้น รถก็จะล็อกอย่างเรียบร้อย สะดวก และสามารถสั่งการได้เท่มากครับ

สรุป

ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจตลอดกาลนะครับ สำหรับมินิเปิดประทุน ที่ออกมาควบคู่กับโฉม Hatch หลังคาแข็งมาตั้งแต่อดีต สำหรับแฟนมินิที่ต้องการความหล่อขึ้นอีกระดับ ซึ่งมินิเปิดประทุน หรือ MINI Convertible โฉมปัจจุบันนี้ ก็ได้มีการปรับปรุงให้มันสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ในห้องโดยสาร, พื้นที่เก็บสัมภาระที่ฝากระโปรงท้าย, ความสะดวกในการโหลดของขึ้นลง, ความเร็วในการเปิด/ปิดประทุน, ความสามารถในการเปิด/ปิดประทุนในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ รวมถึงการไหลเวียนของอากาศ ที่ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

แม้ว่าสภาพอากาศ และสภาถนนในบ้านเรา โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร จะไม่ได้เหมาะกับรถเปิดประทุนมากเท่าไรนัก แต่นั่นก็ทำให้รถเปิดประทุนในบ้านเรา มีความโดดเด่น ไม่เหมือนใครบนท้องถนนมากขึ้น และยิ่งเป็นรถเปิดประทุนที่เป็นหลังคาแคนวาสแบบนี้ นับวันจะยิ่งหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับ ส่วนแฟนๆ มินิคนไหน อยู่ในพื้นที่นอกเมืองที่น่าจะมีโอกาสได้ใช้งานแบบเปิดประทุนมากกว่าชาวเมือง ผมว่า MINI Convertible นี่คือตัวเลือกที่ดีมากๆ ตัวนึงเลย

ปัจจุบัน มินิ ประเทศไทย นำ MINI Convertible เข้ามาจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น คือ MINI Cooper S Convertible ออปชั่นตามที่ได้รีวิวให้ชมกันวันนี้ เปิดราคาขายที่ 3,050,000 บาท ให้การดูแล MSI ยาวนาน 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร และรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางครับ

บทความโดย
อู๋ @spin9

ขอขอบคุณ
มินิ ประเทศไทย

10 เรื่องเด่นของ MINI ในปี 2016

$
0
0

เป็นธรรมเนียมส่งท้ายปลายปีครับ ที่เราจะมาสรุป 10 เรื่องเด่นที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งปีที่ผ่านมากัน โดยในปี 2016 ก็มีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับรถยนต์มินิมากมาย เรามาย้อนดูไปพร้อมกันเลย ว่ามีอะไรบ้าง

1. มินิ พลาดคว้าชัย Dakar Rally สมัยที่ 5 ทำได้แค่รองแชมป์

300 AL-ATTIYAH Nasser (qat) BAUMEL Matthieu (fra) MINI action during the Dakar 2016 Argentina, Bolivia, Etape 12 / Stage 12, San Juan – Villa Carlos Paz, from January 15, 2016 – Photo Eric Vargiolu / DPPI

เปิดต้นปี 2016 มาด้วยความผิดหวังของทีม MINI ALL4 Racing หลังจากที่คว้าแชมป์ในรายการนี้มาแล้วถึง 4 ปีซ้อน (2012-2015) แต่ปีนี้กลับพลาดท่าให้กับทีม Peugeot ไปอย่างน่าเสียดาย

แฟนๆ มินิ ต้องรอลุ้นและให้กำลังใจทีม MINI ALL4 Racing กันอีกครั้งในการแข่งขัน Dakar Rally 2017 ระหว่างวันที่ 2 – 14 ม.ค. 2017 นะครับ

2. มินิ ประเทศไทย ประกาศขยายการรับประกันรถยนต์ใหม่ เป็น “5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง”

ข่าวดีและข่าวใหญ่ของผู้ใช้รถยนต์มินิในประเทศไทย ถูกประกาศในงานแถลงผลประกอบการประจำปีของ BMW Group ประเทศไทย ในช่วงเดือน ก.พ. 2016 ว่าได้ทำการขยายการรับประกันคุณภาพของรถยนต์มินิ จากเดิม 3 ปี / 50,000 km เป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ให้กับมินิใหม่ทุกรุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่ทำให้แฟนๆ มินิในไทย อุ่นใจมากยิ่งขึ้น และจูงใจให้เป็นเจ้าของรถยนต์มินิใหม่ได้เป็นอย่างดีครับ

3. เปิดตัว MINI Convertible เปิดประทุนโฉมใหม่ ในไทย

ช่วงต้นปี มีการเปิดจำหน่ายรถยนต์ MINI Convertible โฉมใหม่ (​F57) อย่างเป็นทางการในไทยเป็นครั้งแรก โดยมินิ ประเทศไทย นำเข้ามาจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือ MINI Cooper S Convertible เปิดราคา 3.05 ล้านบาท

อ่าน >> รีวิว MINI Cooper S Convertible (F57) มินิเปิดประทุน สุดเท่

4. เปิดตัว MINI VISION NEXT 100 รถยนต์คอนเซ็ปต์แห่งอนาคต

กลางปี 2016 มินิได้ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี BMW Group ด้วยการเปิดตัวรถยนต์คอนเซ็ปต์แห่งอนาคต ในชื่อรุ่น “MINI VISION NEXT 100” แสดงวิสัยทัศน์การผลิตยานยนต์ในยุคถัดไป โดยจัดงานเปิดตัวและเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

5. เปิดตัว MINI John Cooper Works Clubman อย่างเป็นทางการ

กันยายน 2016 มินิได้เปิดตัว MINI John Cooper Works Clubman โมเดลที่แรงที่สุดในโฉม MINI Clubman รุ่นล่าสุด โดยคาดว่า MINI JCW Clubman ใหม่นี้ จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายในปี 2017 ด้วย

6. “กราบรถกู”

วลีเด็ด แห่งปี 2016 ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก โดยน็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล กล่าววลีดังกล่าว ขณะเกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ของนายเกียรติศักดิ์ สิงโต เฉี่ยวชนบริเวณด้านท้ายรถยนต์ MINI Countryman สีเหลือง และมีผู้บันทึกคลิปวิดีโอไว้ได้ โดยคลิป “กราบรถ” เกิดไวรัลขึ้นอย่างรวดเร็ว ดับเส้นทางอาชีพของน็อต อัครณัฐในชั่วข้ามคืน

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้รถยนต์มินิถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล

7. เปิดตัว 2017 MINI Countryman โฉมใหม่ (F60) อย่างเป็นทางการ

รุ่นสำคัญที่สุดที่มีการเปิดตัวในปี 2016 นี้ ก็คือ MINI Countryman โฉมใหม่ หลังจากปล่อยให้แฟนๆ มินิทั่วโลกรอคอยมาอย่างยาวนาน และนี่จะเป็นครั้งแรกที่มินิจะมีรถยนต์ในโมเดล Plug-in Hybrid เสียบปลั๊กได้ ในรุ่น MINI Cooper S E Countryman อีกด้วย

MINI Countryman ในสี Chestnut

อ่าน >> Exclusive Preview : สัมผัส MINI Countryman โฉมใหม่ จากงาน LA Auto Show 2016

8. BMW Group จัดรถยนต์มินิ และ บีเอ็มดับเบิลยู รับส่งประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพฯ

เหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้คนไทยเศร้าโศกเสียใจในช่วงปลายปี 2016 เป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้เราได้เห็นน้ำใจของคนไทยที่มีต่อกันอย่างมาก รวมถึง BMW Group ประเทศไทย ทำโครงการ “ทำดีเพื่อพ่อ” โดยพนักงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จัดพาหนะรับส่งประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระบรมมหาราชวังในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งมีพนักงานอาสาสมัครเป็นผู้ขับขี่ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

9. มินิ ประเทศไทย เปิดตัว MINI “Seven” รุ่นพิเศษ ในงาน Motor Expo 2016

รุ่นใหม่ในไทย ส่งท้ายปี 2016 ด้วย MINI Seven Edition มินิรุ่นพิเศษในโฉมแฮตช์เจเนอเรชั่นล่าสุดรุ่นแรก เปิดตัวในงาน Motor Expo 2016 โโยมีเข้ามาจำหน่ายทั้งรุ่น 3 ประตู (F56) และรุ่น 5 ประตู (F55)

10. MINI ฉลองผลิตรถยนต์ที่โรงงาน Oxford ครบ 3 ล้านคัน

โรงงาน MINI Plant Oxford ประกาศผลิตมินิครบสามล้านคัน นับตั้งแต่เริ่มสายการผลิตรถยนต์มินิในปี 2001 โดยมินิคันที่สามล้าน เป็น MINI John Cooper Works Clubman สีเขียว Rebel Green นับเป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญในปีฉลองครบรอบ 100 ปีของ BMW Group


นั่นคือทั้ง 10 เรื่องเด่นของ MINI ในปี 2016 นี้ครับ ผมขอถือโอกาสนี้ขอบพระคุณแฟนๆ มินิที่ติดตามเว็บ MINI-TH. กันมาตลอด และ ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำข่าวสาร รีวิว และข้อมูลรถยนต์ MINI ที่เป็นประโยชน์กับแฟนๆ มินิชาวไทยมาฝากกันอย่างสม่ำเสมอ รวดเร็ว ฉับไว ตามแบบฉบับของเราต่อไปครับ

สวัสดีปีใหม่นะครับ :))

คาดการณ์รถ MINI เปิดตัวและวันวางจำหน่าย ปี 2017-2018

$
0
0

กล่าวสวัสดีปีใหม่แบบเลทนิดๆ แด่แฟนๆ มินิทุกท่านครับ เปิดศักราชใหม่มา ก็ขอประเดิมด้วยการคาดการณ์รถยนต์ MINI เปิดตัวและวางจำหน่ายในช่วงปีนี้ และยาวไปจนถึงรุ่นที่จะตามมาในปีหน้าด้วย พร้อมรายละเอียดของวันเปิดตัว วันวางจำหน่าย และกำหนดคร่าวๆ ที่เราจะได้เห็นรถ MINI รุ่นใหม่ในประเทศไทยด้วยครับ ทั้งหมดนี้จะเป็นข้อมูล ณ วันที่เขียนบทความนี้ (ม.ค. 2017) ซึ่งแน่นอนว่า สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา และเปลี่ยนแปลงได้ตามการตัดสินใจของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปตามกลไกตลาด ณ วันเปิดตัวรุ่นนั้นๆ นะครับ

The new MINI Countryman (F60)

ร้อนแรงที่สุดตลอดทั้งปีนี้อย่างแน่นอนครับ กับ MINI Countryman โฉมใหม่ ที่จะมาเป็น MINI รุ่นแรกที่เราจะพูดถึงกันในปี 2017 หลังจากที่ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของโลก (World Premiere) กันไปในงาน LA Auto Show เมื่อช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา และมีกำหนดวางขายทั่วโลกกันในช่วงต้นปี 2017 นี้

MINI Countryman โฉมใหม่ จะเข้ามาเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทย ในงาน Bangkok International Motor Show 2017 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยในระยะเริ่มแรกจะเป็นรถนำเข้าทั้งคัน (CBU) ก่อน ซึ่งอาจมีราคาเปิดตัวค่อนข้างสูงกว่า MINI Countryman โฉมก่อนหน้าอยู่พอสมควร แต่ก็จะนำเข้ามาประกอบในประเทศไทยเพื่อประโยชน์ทางด้านภาษีต่อไปในอนาคต (คาดว่าอาจเป็นช่วงปลายปี หรือต้นปี 2018)

MINI Cooper S E Countryman (Plug-in Hybrid)

ที่จะมากับ Countryman โฉมใหม่ ก็จะมีตัวเลือกของรุ่น Plug-in Hybrid รถยนต์เสียบปลั๊กได้รุ่นแรกของแบรนด์มินิด้วย ซึ่งคาดว่าจะถูกนำเข้ามาจำหน่ายตามหลังจากการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ปกติเล็กน้อย ภายในปี 2017 นี้ และจะมีเพียงตัวเลือกเดียว คือรุ่น Cooper S E Countryman พร้อมกับการประกาศการวางโครงสร้างสำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าจะใช้งานร่วมกับเครือข่ายช่องจอด BMW i Charging Station ของ BMW Thailand ที่กระจายอยู่ตามห้าง อาคาร และโรงแรมต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร

MINI John Cooper Works Clubman

รุ่นแรงสุดของ MINI Clubman ที่ได้เปิดตัวที่เมืองนอกไปเมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดมีแผนนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยกับเขาด้วย ในรุ่น MINI JCW Clubman เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ 231 แรงม้า ใช้งานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และมีชุดขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ ALL4 ในเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่จะทำให้ MINI JCW Clubman เป็นรถยนต์เอนกประสงค์ตัวแรง ที่น่าใช้งานมากที่สุดรุ่นหนึ่งในปี 2017 ครับ

MINI John Cooper Works Clubman จะเข้ามาเปิดตัวและเปิดให้จับจองเป็นเจ้าของครั้งแรกในไทย ในงาน Bangkok International Motor Show 2017 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้เช่นกัน

MINI John Cooper Works  Countryman

MINI ได้ชิงเปิดตัว MINI John Cooper Works Countryman ตัวแรงสุดในโฉมของ Countryman ออกมาตั้งแต่ต้ปี 2017 ครับ โดยมีสเปกเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ MINI JCW Clubman เป๊ะๆ แต่พอมาตกแต่งอยู่ในโฉมของ Countryman แล้ว มันสวยดุดันเป็นอย่างมาก โดยเจ้า JCW Countryman นี้มีกำหนดเผยโฉมครั้งแรกในงาน Shanghai Motor Show 2017 เดือนเมษายนนี้ และจะวางจำหน่ายในตลาดโลกในช่วงกลางปี ส่วนจะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหรือไม่ รวมถึงจะนำเข้ามาประกอบในประเทศไทยหรือไม่นั้น ผมว่ายังมีโอกาสค่อนข้างน้อยครับ รอลุ้นกันต่อไป

2018 MINI Hatch – LCI

ช่วงปลายปี 2017 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2018 นี้ น่าจะมีการเผยโฉม และรายละเอียดของการปรับปรุง หรือ LCI ของรถยนต์ MINI Hatch โฉมหลัก (F56 / F55) ซึ่งจะมาพร้อมกับการปรับโฉมหน้าตาเล็กน้อย รวมถึงปรับปรุงสเปคเครื่องยนต์ ตามรอบการผลิต คาดว่าจะมีการเพิ่มสีตัวถังใหม่ เพิ่มลายล้อ และเพิ่มออปชั่นภายในตัวรถครั้งใหญ่

การปรับปรุงโฉม หรือ LCI ครั้งนี้ จะมีผลกับไลน์อัพของรถยนต์เล็กของมินิ นั่นคือ F56 Hatch 3 ประตู, F55 Hatch 5 ประตู และ F57 Convertible ก่อน ส่วนการปรับปรุงโฉม หรือ LCI ของ MINI Clubman กับ MINI Countryman น่าจะยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ครับ

Touchscreen และ Apple CarPlay

เทคโนโลยีเกี่ยวกับความบันเทิงในรถยนต์ รวมถึงหน้าจอในรถยนต์มินิ จะมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญในช่วง 1-2 ปีนี้อย่างแน่นอนครับ มินิได้พรีวิวสั้นๆ กับหน้าจอสัมผัสภายในรถยนต์มินิไปแล้วในช่วงการเปิดตัว MINI JCW Clubman และก็รอการยืนยันกับการรองรับฟีเจอร์ Apple CarPlay แบบเต็มตัว ที่คาดว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงปีนี้

2018 The Challenger

รถยนต์มินิโฉมใหม่ ที่ยังเป็นปริศนาอยู่ว่า MINI จะเปิดตัวรูปโฉมไหนเป็นรูปโฉมถัดไป คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2018 ที่เราจะได้รับรู้รายละเอียดกัน โดยมีการคาดเดาว่า มินิอาจเปิดตัวรถยนต์ในรูปโฉมสปอร์ต สไตล์คล้ายคลึงกับที่เคยออกรถยนต์คอนเซ็ปต์ MINI Superleggera Vision และมีกระแสตอบรับค่อนข้างดีจากแฟนมินิทั่วโลก หรืออาจจะยึดถือแนวทางของรถยนต์สปอร์ตสไตล์คูเป้ รื้อฟื้น MINI Coupe กับ MINI Roadster ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็ยังยากแก่การคาดเดาในวันนี้ครับ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้คือ MINI เรียกขานเจ้าโมเดลปริศนาที่จะตามมาในอนาคตว่าเป็น “The Challenger” เท่านั้นเอง


ย้ำอีกครั้ง ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์และวิเคราะห์จากข้อมูลที่มี ณ เดือน ม.ค. 2017 เท่านั้น ข้อเท็จจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลนี้ไปบ้าง จากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ซึ่ง MINI-TH. ของเราจะนำเสนอความเคลื่อนไหวของ MINI อย่างต่อเนื่องครับ

สวัสดีปีใหม่แฟนๆ MINI อีกครั้ง ขอให้ขับรถอย่างสนุกและปลอดภัยนะครับ

Viewing all 37 articles
Browse latest View live